เกษตรกร อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายพักชำระหนี้ ชี้เคยดำเนินการมาแล้ว 9 ปี ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้จริง ยังต้องแบกรับภาระหนี้และดอกเบี้ยเหมือนเดิม ทั้งที่ราคาผลผลิตตกต่ำ วอนรัฐซื้อหนี้จาก ธกส.และปรับลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 7 เหลือ 1 บาท
วันนี้ (10 ต.ค.66) ตัวแทนเกษตรกรชาวอำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล เศรษฐา ได้พิจารณาทบททวนโครงการพักชำระหนี้เกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธกส. ระยะเวลา 3 ปี วงเงินไม่เกิน 300,000 บาท โดยอ้างว่า นโยบายพักหนี้เคยดำเนินการมาแล้ว 9 ปี แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง เพราะเมื่อครบ 3 ปีแล้ว เกษตรกรก็ยังต้องดิ้นรนหาเงินมาชำระหนี้และดอกเบี้ยเหมือนเดิม แต่ราคาผลผลิตกลับตกต่ำไม่สอดคล้องกลับข้อเท็จจริง เกษตรกรก็ยังต้องแบกรับภาระหนี้สินและดอกเบี้ยที่สูงเหมือนเดิม
จึงอยากเสนอให้รัฐบาลได้พิจารณาทบทวนจากนโยบายพักชำระหนี้ ควรจะซื้อหนี้ของเกษตรกรจาก ธกส. และมีนโยบายให้เกษตรกรผ่อนชำระกับทางรัฐบาลโดยตรง และควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรให้เหลือร้อยละ 1 บาทต่อปี ถึงจะเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้กับเกษตรกรได้อย่างแท้จริง เพราะทุกวันนี้เกษตรกรลูกค้า ธกส.ที่กู้เงินไปลงทุนทำการเกษตรกร ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 7 ต่อปี แต่หากใครชำระไม่ต่อเนื่องเป็นหนี้เสีย ก็ถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 12 บาทต่อปี
นายสวาท จำปาสา และนายบุญรอด ศิลสุพรรณ์ ตัวแทนเกษตรกรชาว อ.โนนสุวรรณ บอกว่า รัฐบาลที่ผ่านมาเคยดำเนินการโครงการพักชำระหนี้มาแล้วถึง 9 ปี แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้จริง เกษตรกรยังต้องแบกรับภาระหนี้สินเหมือนเดิมโดยเฉพาะดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 7 บาทต่อปี
จึงอยากให้รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ฟังเสียงความต้องการของเกษตรกร ว่าแท้จริงแล้วควรจะทำอย่างไรถึงจะแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างตรงจุด และสามารถแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนได้จริง จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลซื้อหนี้เกษตรกรจาก ธกส. เพื่อให้เกษตรกรผ่อนชำระกับรัฐบาลโดยตรง และควรจะปรับลดดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 1 บาทต่อปี จึงจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างแท้จริง
ซึ่งตัวแทนเกษตรกรจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าว ไปยื่นเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร