หนุ่มแรงงานไทย ในอิสราเอล วัย 39 ปี ชาว อ.นาแก เล่านาทีชีวิตผ่านวีดีโอคอล กับเมีย เผยสุดระทึก ถูกกลุ่มคนร้ายติดอาวุธ ยิงทะลุกำแพงถูกขา นอนทรมานสาหัสข้ามวัน โชคดีทหารทางการอิสราเอล เข้าช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลปลอดภัย  วอนรัฐบาลไทยช่วยเหลือกลับไม่ขออยู่ต่อ ยอมทิ้งอนาคต กลับไปอยู่กลับครอบครัว

            เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นคพรนม ความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุกลุ่มคนร้าย ฮามาส ติดอาวุธ ก่อสงครามความรุนแรง ในประเทศอิสราเอล ทำให้แรงงานไทย ในอิสราเอล ถูกทำร้าย และจับเป็นตัวประกัน รวมกว่า 100 คน รวมถึงมีการรายงานว่า มี ชาว นครพนม 3 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน และขาดการติดต่อสูญหาย และยังมีเขย จ.นครพนม ภูมิลำเนาเป็นชาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตรายแรก นอกจากนี้ ยังพบว่า นายชาตรี ชาศรี อายุ 39 ปี ชาวบ้าน นาทุ่งทอง ต.พระซอง อ.นาแก เป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกกลุ่มติดอาวุธยิงกราด จนได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดทางภรรยา คือ นางสาววราชินี นามบุญแผง อายุ 37 ปี ยังสามารถติดต่อผ่านแชทวีดีโอคอล เฟสบุ๊ค ยืนยันว่า สามีปลอดภัยแล้ว หลังถูกยิง จำนวน 1 นัด ทะลุต้นขาซ้าย และได้รับการช่วยเหลือจากกำลังทหารในอิสราเอล ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังกังวล เนื่องจากสงครามเกิดความรุนแรง ขึ้น และวิงวอนให้รัฐบาลไทย เร่งประสานหาทางช่วยเหลือกลับไทย

            ทั้งนี้  นายชาตรี ชาศรี อายุ 39 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง เปิดเผยผ่านวีดีโอคอล ขณะยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ว่า เกิดเหตุเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ขณะตนอยู่ในบ้านพักแคมป์คนงาน ห่างจากพื้นที่เกิดสงคราม ประมาณ เกือบ 10 กิโลเมตร จึงหยุดงานเพื่อความปลอดภัย จู่ๆ ได้ยินเสียงปืน จึงเข้าห้องน้ำ และถูกกลุ่มติดอาวุธก่อความรุนแรงกราดยิงมั่ว ทำให้ลุกกระสุนปืนทะลุผนังห้องน้ำ จนได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ขาซ้ายทะลุจากด้านหลังขาผ่านมาด้านหน้า เชื่อว่าเป็นอาวุธสงคราม โชคดีเพื่อนร่วมงานพากันหาทางช่วยเหลือ หาทางรอดผ่านไปกว่า 1 วัน จึงมีทหารประเทศอิสราเอล เข้ามาช่วยเหลือส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ล่าสุดอาการปลอดภัย แต่สิ่งที่กังวลคือ สงครามยังรุนแรงมากขึ้น จึงต้องการกลับบ้าน เพราะห่วงชีวิต ตนเป็นเสาหลักครอบครัว ทำงานในอิสราเอลมา 4 ปี จากสัญญาครบ 5 ปี หวังจะเก็บเงินอีก 1 ปี กลับมาสร้างฐานะครอบครัว เหลือเวลาอีก 1 ปี ตัดสินใจแล้วไม่ขออยู่ เพราะห่วงชีวิต ขอกลับไปอยู่กับครอบครัว วอนรัฐบาลไทยหาทางช่วยเหลือเร่งด่วน เนื่องจากกังวลความปลอดภัย

            ด้าน นางสาววราชินี นามบุญแผง อายุ 37 ปี ภรรยาแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนกับสามีแต่งงานกันมานานเกือบ 20 ปี มีลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 15 ปี ลูกชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ เดิมไม่มีอาชีพหลัก สามีจึงตัดสินใจไปทำงานประเทศอิสราเอล ในฟาร์มเกษตร กู้เงินลงทุนเป็นค่าจ้างบริษัท เป็นเงิน 1.2 แสนบาท ได้เงินเดือนประมาณเดือนละ 40,000 – 50,000 บาท ใช้หนี้หมดตั้งแต่ปีแรก พร้อมสะสมเงินไว้สร้างฐานะ จนครบสัญญารวม 5 ปี เหลืออีก 1 ปี หลังเก็บเงินให้มากที่สุด ไม่คิดว่าจะเกิดสงครามขึ้น มาถึงวันนี้ไม่กังวลเรื่องรายได้ ห่วงชีวิตสามี ความอยู่รอด ตกลงกันจะขอกลับไทย ถึงแม้สงครามสงบ แต่ไม่ขอทำงานต่อ เพราะห่วงความปลอดภัย ขอกลับมาอยู่กับครอบครัว อยากให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือสามีกลับไทย ให้เร็วที่สุด ภรรยาเล่าทั้งน้ำตาด้วยความห่วงสามี