มกอช. ครบรอบ 21 ปี เดินหน้าขับเคลื่อนงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า มุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรไทยแข่งขันในตลาดโลก ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้เกษตรกร เพื่อคุณภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยที่ดีขึ้น” 

วันที่ 9 ต.ค.66 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันสถาปนา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 21 ปี มกอช. โดยมี นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการ มกอช. พร้อมด้วย นางสาวปรียานุช ทิพยะวัฒน์ และ นางกาญจนา แดงรุ่งโรจน์ รองเลขาธิการ มกอช. ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม 511 อาคาร 5 มกอช.

นายอนุชา นาคาศัย กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการสร้างรายได้ สร้างโอกาสและสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนคนไทย สำหรับภาคการเกษตร มีนโยบายในการสร้างรายได้ โดยใช้หลักการ "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" กระทรวงเกษตรฯ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลด้านเกษตรกรรมของประเทศ จึงต้องขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลภาคการเกษตรให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายให้ "เกษตรกรกินดี อยู่ดี มีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคงสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน และภาคเกษตรไทยคือผู้นำสินค้าเกษตรในตลาดโลก" เพื่อสร้างรายได้ภาคเกษตรให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี 

ทั้งนี้ มกอช. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญ ในการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร และความปลอดภัยด้านอาหารรวมถึงการร่วมเจรจา และแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัย และสุขอนามัยพืชของประเทศไทย ถือเป็นฟันเฟืองหนึ่ง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการเกษตรให้เติบโต จึงจำเป็นต้องมีการบูรณาการ กับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและนอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงภาคประชาชน ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบมาตรฐานการผลิตที่ดีตามที่ตลาดต้องการ เช่น ผลักดันให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบการตรวจรับรอง GAP ให้เพิ่มขึ้นทั้งชนิดสินค้าและพื้นที่ การลดก๊ซเรือนกระจกในภาคการเกษตร( Carbon Credit) ต่อไป นอกจากนี้ ต้องเร่งรัดและผลักดันให้มีการเจรจาเปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ ๆ รวมถึงสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เกิดการยอมรับและเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐานของสินค้าเกษตรไทย

“อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมการการปฏิบัติหน้าที่ของ มกอช. ที่ผ่านมา สามารถผลักดันงานด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร ไปสู่การนำไปปฏิบัติ และการเจรจาด้านมาตรการสุขอนามัยและอนามัยพืชของไทย ให้เป็นที่ยอมรับในการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสำเร็จในการเจรจาส่งออกผลมังคุดสดไปญี่ปุ่น โดยไม่ต้องอบไอน้ำได้สำเร็จ รวมถึงการเปิดตลาดเนื้อเป็ดปรุงสุกจากไทย” รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว 

ด้าน นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการ มกอช. กล่าวเพิ่มเติมว่า มกอช. ได้ดำเนินงานตามภารกิจหลักตลอด 21 ปี โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ สำหรับก้าวต่อไป มกอช. ยังคงมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมความต้องการตลาด ที่เปลี่ยนแปลง อาทิ มาตรฐานผลิตภัณฑ์จิ้งหรีด มาตรฐานโรงรวบรวมและคัดบรรจุทุเรียน อีกทั้ง มกอช. ยังเล็งเห็นถึงการพัฒนาระบบดิจิทัล อันได้แก่ การรับรองมาตรฐานตรวจรับรอง มุ่งเน้นในการทำให้เป็น Single Platform รวมถึงไปการขยายผลพัฒนาระบบ QR Trace on Cloud และ DGT Farm  การส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านมาตรฐาน ทั้ง Q อาสา และบุคลากรในสถาบันการศึกษาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนาระบบ e-learning ด้านมาตรฐาน โดยขยายวิชา เพิ่มเติมจากมาตรฐาน GAP  พืชอาหาร และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ไปยังมาตรฐานที่สำคัญอื่นๆ 
นอกจากนี้ ภารกิจทางด้านการเจรจา มกอช. ยังคงมุ่งหน้าผลักดันในด้านการเจรจา ให้มีการเปิดตลาดสินค้าเกษตรและแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศ ในระดับสากล รวมไปถึง การพัฒนาระบบการอนุญาต การกำกับดูแลการนำเข้าส่งออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“มกอช. มุ่งมั่นดำเนินการตามภารกิจหลักขององค์กร ให้สอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ว่า ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เพื่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร” เลขาธิการ มกอช. กล่าว