ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนระบุ ว่า วันนี้ 9 ตุลาคม นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ทุกแห่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 42 แห่ง ในนามชมรมนายก อบต.แม่ฮ่องสอน จะเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อเข้ายื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากต้องการให้แก้ไขปัญหาการจัดทำโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาคุณภาพชีวิตและการให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐานในเขตป่าของ อบต.ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมชมรมนายก อบต.แม่ฮ่องสอนขึ้นที่ห้องประชุม อบต.ปางหมู ซึ่งในที่ประชุมได้มีการหยิบยกปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่ที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขคือกรณี พรบ.อุทยานแห่งชาติ พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ และพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ต่างมีข้อห้ามจน อบต.ไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ แม้กระทั่งการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือร้อยละ 98 อยู่ในเขตป่าตามกฎหมาย ทำให้โครงการนับพันโครงการต้องขออนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าจากหน่วยงานที่ดูแลตามกฎหมายนั้นก่อน จึงมีโครงการจำนวนมากตกค้างไม่สามารถดำเนินการได้เพราะขั้นตอนการอนุมัติของหน่วยงานเหล่านั้นต้องใช้เวลานาน ส่งผลให้การพัฒนาไม่เป็นไปตามแผนหรือโครงการที่วางไว้

ข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันมีโครงการที่ค้างการพิจารณาของหน่วยงานกว่า 60,000 โครงการ ดังนั้นชมรมนายก อบต.แม่ฮ่องสอนจึงเห็นว่าควรเสนอให้มีมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันการเข้าดำเนินการในพื้นที่ในเขตป่าโดยอนุโลมหรือใช้อำนาจทางบริหารสั่งการใดๆเพื่อผ่อนผัน หรือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา

นอกจากการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ทางชมรมนายก อบต.แม่ฮ่องสอน ยังได้ยื่นหนังสือถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 3 คนคือนายปกรณ์ จีนาคำ สส.พรรคพลังประชารัฐ นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายเลาฟั้ง บิณฑิตเทิดสกุล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้ช่วยผลักดันหาทางแก้ไข