เพื่อไทยเผยเศรษฐกิจไทยยังไม่ดี การแจกดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อครั้งใหญ่ให้ประเทศพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้จริง องอาจสวนฝ่ายรัฐบาลโต้ผู้เห็นต่างแจกเงินดิจิทัลในประเด็นรวย-จน ไม่เหมาะ สร้างความแตกแยกสังคม ขณะที่"วันชัย"ระบุ "อสุรินทราหู" มาแล้ว เตรียมโคจรสู่พื้นดิน แสดงพลังฤทธิ์เดช
       
     เมื่อวันที่ 8 ต.ค.66 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยอ้างการคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศกําลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว รัฐบาลจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินจํานวนมากเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ว่า อาจจะเป็นความมุ่งหวังทางการบริหารที่ต่ำไปหน่อย เพราะหากเปรียบเทียบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกับประเทศในกลุ่มอาเซียน จะเห็นว่าไทยยังมีอัตราการเติบโตหรือฟื้นตัวที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่มาก เป้าหมายของรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่มุ่งหวังจะสร้างการเติบโตเฉลี่ยตลอด 4 ปี ที่ 5% นั้น จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายและเป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เป็นจริง
   
  นายชนินทร์ กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นการเติมกำลังซื้อครั้งใหญ่ให้ประเทศ กระจายอยู่ในทุกชุมชน จำนวนเงิน 10,000 บาทต่อคนนี้ จึงไม่ใช่แค่ช่วยเหลือบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชนเดินต่อได้ แต่มากพอที่จะดึงดูดการลงทุน เปิดธุรกิจใหม่ๆ มารองรับกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้น และหมุนวนรอบต่อไปเรื่อยๆ เพราะเงินจำนวนนี้จะหมุนเวียนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจของไทย
   
  ทั้งนี้ในส่วนของความกังวลเรื่องที่มาของเงิน และมาตรการในการดำเนินนโยบายต่างๆ นั้น ทางรัฐบาลได้ตัดสินใจตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตที่ประสานความเห็นและมุมมองที่รอบด้านจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ และอีกหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มาเป็นกรรมการในการร่วมตัดสินใจในการดำเนินนโยบาย จึงทำให้มั่นใจได้ว่า การตัดสินใจใดๆ จะเป็นไปด้วยความรัดกุม โปร่งใสและรักษาผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนมากที่สุด
     
  รัฐบาลมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอย่างรวดเร็ว เป็นการปั้มหัวใจเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน เพื่อปลุกกำลังซื้อให้ฟื้นตัว ช่วยให้เศรษฐกิจประเทศพ้นจากโคม่า จากนั้นรัฐบาลก็จะมีนโยบายอื่นๆ เข้ามาเสริมเพื่อให้ประชาชนสามารถสร้างรายได้ เศรษฐกิจหมุมเวียน ซึ่งจะเป็นการฟื้นประเทศไทยให้มีความสามารถในแข่งขัน โดยยึดกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างรัดกุม 
    
 ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการคัดค้านนโยบาย แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้ประชาชนทุกคน ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ว่า ขณะนี้มีนักวิชาการ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันคือ สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารฯ รวมถึงภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นเงิน 5.6 แสนล้านบาท กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งแบ่งความคิดเห็น ออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่คัดค้าน ให้ยกเลิกนโยบาย 2.กลุ่มที่ให้ปรับปรุงการแจกเงิน ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่เหวี่ยงแหแจกทุกคน 3.กลุ่มที่สนับสนุนการแจกเงิน ซึ่งส่วนมากคือคนของรัฐบาล และประชาชนส่วนหนึ่ง 
    
 นายองอาจ กล่าวว่า แต่ปรากฏว่าคนของรัฐบาลบางคนออกมาตอบโต้คนเห็นต่างว่าเป็นพวกอยู่ดีมีกิน สุขสบาย ไม่เห็นหัวคนที่ยังลำบาก ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่ไม่เหมาะสม ที่ออกมาบอกให้เกิดการเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องคนรวยไม่เห็นด้วยที่จะแจกเงินให้คนจน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่คัดค้านและคนที่เห็นต่าง คงไม่ได้แสดงความคิดเห็น บนพื้นฐานของสถานะทางเศรษฐกิจสังคมที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องของคนอยู่ดีมีกิน กับคนที่ลำบากอย่างแน่นอน แต่แสดงความคิดเห็น บนเนื้อหาสาระข้อมูล ที่แตกต่างจากของรัฐบาลมากกว่า
      
 "คนของรัฐบาลจึงควร ชี้แจงด้วยข้อมูลเนื้อหาสาระ จะเหมาะสมกว่า ไม่ควรเอาความคิดเห็นที่แตกต่าง มาสร้างความแตกแยกทางสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรทำอย่างยิ่ง"


    วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าอสุรินทราหูมาแล้ว ราหูใกล้จะย้ายก็มีแรงกระแทกไปที่รัฐบาลและพรรคแกนนำบ้างเป็นธรรมดา จากดาวหางดาวตกฟาดหัวฟาดหางออกฤทธิ์ออกเดชให้เห็น แต่ก็จะหมดเรี่ยวหมดแรงไปในที่สุด เพราะอสุรินทราหูจากชั้น 14 มีแนวโน้มที่จะโคจรมาสู่พื้นดินแห่งมนุษย์ หลังจาก 13 ต.ค.ขยับเขยื้อนเคลื่อนไปถึง 17 ต.ค.จะมีฤทธิ์มีเดช สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นปราบอริราชศัตรูไปได้ราบคาบด้วยอสุรินทราหู
    
 ตามตำราท่านว่าอสุรินทราหูเป็นผู้รับใช้สนองพระเดชพระคุณองค์พระนารายณ์และพระพรหม ยิ่งมาเจอดาวอาทิตย์จะมีพลังอำนาจก่อให้เกิดความสงบ สยบการเคลื่อนไหวแห่งดาวทุกดวง แม้แต่ก้าวไกลก็จะไปไม่ถึงด้วยอิทธิฤทธิ์ของอสุรินทราหู 
   
  การโคจรมาครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา จะเป็นการแสดงพลังแห่งฤทธิ์เดช เพื่อประเทศชาติและประชาชน ต้องสร้างสันติสุขศิวิไลซ์แห่งไทยประเทศให้บังเกิดให้จงได้ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของอสุรินทราหู หลัง 13 ต.ค.เป็นต้นไป ปฐมบทแห่งอำนาจและฤทธิ์เดชจะประกาศก้องไปทั่วท้องแผ่นดิน  ยิ่งใหญ่อลังการ มหัศจรรย์เกินคาด... ตาดูดาว เท้าติดดิน
   
  เมื่อมีการเคลื่อนของดวงดาวยิ่งใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ขนาดนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี จึงได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีสวดนพเคราะห์ ณ วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน วันที่ 17 ต.ค.66 เวลา 19.00 น. เพื่อเป็นมิ่งขวัญมงคลชัยแก่คนไทยทั้งประเทศ ใครไม่มาถือว่าพลาดโอกาสสำคัญแห่งชีวิต