เมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 หมออั้ม-อิราวัต อารีกิจ โพสต์ขอความในเฟซบุ๊กเรื่อง “เงินดิจิตอล 10,000” ไม่ต้องเป็นถึงนักเศรษฐศาสตร์อะไรก็รู้ ว่ามันจะดีแค่ไหน ถ้าเราเอางบประมาณประเทศ มา #บังคับหมุนเวียน แบบที่ไม่ตกไปแค่กระเป๋านายทุน
แบบที่ไม่ต้องตื่นเช้า มากดสุ่มรับสิทธิ์ แต่ได้ทุกคน ไม่ใช่เงินสด ไม่ใช่บิตคอยน์ ซื้อขายเก็งกำไรไม่ได้ แต่.. #หมุนเวียนประทังชีวิต ธุรกิจเล็กๆ ไปถึงใหญ่ได้ หล่อเลี้ยงปากท้องคนรากหญ้าได้ ทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่า กระจายของ ระบายสินค้า แลกเปลี่ยนกันในพื้นที่
โดยใช้เงินดิจิตอล เป็นสื่อกลาง รับประกันโดยรัฐ มันจะดีแค่ไหน ถ้าซื้อสินค้าร้านหน้าปากซอย แล้วเจ้าของร้านนั้น ก็หมุนเวียนไปซื้อของมาเติม จากร้านอีกฝั่งถนน แล้วร้านอีกฝั่งถนนนั้น ก็ข้ามฟากแม่น้ำ ไปซื้อของมาแลกเปลี่ยน จากร้านอีกฟากฝั่งแม่น้ำ.. เงินหมุนเวียน เป็นลูกโซ่ เป็น Chain Reaction
ไม่ต้องไปกังขา ว่างบประมาณ หายไปไหน แบบที่กดรับสิทธิ์ 10 นาที แล้วรัฐบอก “สิทธิ์เต็ม” ? ได้กันแบบกะปริดกะปรอย แล้วที่เหลือ ไม่รู้ไปไหน? อีกหลายพันหมื่นล้าน ไปอยู่ที่ไหน? หลักการเดียวกับ 30 บาทรักษาทุกโรค #ทุกหย่อมหญ้าประเทศนี้ ได้สิทธิ์นั้น
ได้รับการหมุนเวียนงบประมาณก้อนนี้ แบบที่จับต้องได้จริงๆ ถึงปากท้องจริงๆ ใครไม่ใช้สิทธิ์ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน
ไม่มีทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ใด ที่ถูกต้อง 100% และถ้าให้อิงแต่ทฤษฎี แต่ถูกปิดกั้นด้วยอคติ ในหัวของนักวิชาการทั้งหลาย ก็จะเต็มไปด้วย.. “ความเป็นไปไม่ได้”
แต่ผู้นำประเทศ ที่ต้องมีทั้งนิติรัฐ นิติธรรม และที่สำคัญ คือ มีมันสมอง มีหัวใจของประชาชน เขามองว่า “เราล้าหลังมานานแล้ว” เป็นเวลาของประชาชน ที่ควรได้ลืมตาอ้าปาก ควรให้เขาได้หายใจหายคอคล่องบ้าง และมันคือหลักการ ที่คิดมาดีแล้ว ซึ่งแน่นอน มันต่างจากความคิดพวกท่าน ที่วันๆ พ่นแต่น้ำลาย เล่นแต่การเมือง
ถ้าพวกตนทำ คือ ดีทุกอย่าง เทวดามาโปรด พอเป็นพรรคอื่น อะไรก็ผิดไปหมด รอไปก่อนนะครับ อีก 4 ปี 8 ปี ก็ว่าไป
ตอนนี้ประชาชนเค้าขอ #เสพความเจริญ ก่อน ไม่ต้องมาสร้างภาพ แอ็คอาร์ท เอาเท่ มาขายฝันไปวันๆ