นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "วาดหวัง!!" เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2566 ระบุว่า...พรรคเพื่อไทยตั้งกรรมการมาศึกษาการแก้ รธน.นั้น เป็นเพียงการซื้อเวลาเพื่อจะได้เป็นรัฐบาลอยู่ยาว โดยลอกแบบลูกเล่นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาทำเป็นแบบอย่างเท่านั้น

นายจตุพร กล่าวถึงการแก้ รธน.ว่า แม้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม บอกมีฝ่ายค้านฝ่ายเดียวแก้ รธน.ไม่ได้ แต่ตนจะบอกไม่แตกต่างกันว่า มีฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียวก็แก้ รธน.ไม่ได้เช่นกัน เพราะการแก้ รธน. กำหนดให้ใช้เสียงของสองสภารวม 376 เสียงขึ้นไป และในจำนวนนี้ต้องมีเสียง สว.ถึง 1 ใน 3 หรือจำนวน 84 เสียงมาร่วมด้วย อีกอย่างยังต้องมีเสียงฝ่ายค้านอีก 20% ให้การสนับสนุนด้วย ดังนั้น รัฐบาลเสียงข้างมากอย่างเดียวก็แก้ รธน. 2560 ไม่ได้อยู่ดี

อีกทั้งกล่าวว่า เหตุที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลมาจาก รธน. 2560 หากไม่ใช่แล้วนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ต้องได้เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาล ดังนั้น เมื่อเพื่อไทยได้อำนาจมาจาก รธน.ฉบับนี้ ย่อมไม่มีอารมณ์ในการแก้ รธน.เช่นกัน 


ส่วนการตั้งคณะกรรมการจำนวน 34 คน (จากจำนวน 35 คนโดยพรรคก้าวไกลไม่ร่วมด้วย) มาศึกษาแนวทางการทำประชามติและ รธน.ฉบับใหม่นั้น จึงเป็นการรำวงซื้อเวลาให้เป็นรัฐบาลได้นาน หรือต้องการอยู่ยาว ซึ่งลอกแบบอำนาจมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งคณะขึ้นมาร่าง รธน.เมื่อปี 2558 นั้นเอง 

"ขอพูดย้ำอีกครั้งว่า แนวทางการทำประชามติต้องถาม กกต. เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกรรมการทั้ง 34 คนที่ตั้งมาศึกษา จึงเท่ากับเอาเงื่อนการตั้งกรรมการมาผูกเวลากับการอยู่เป็นรัฐบาลของตัวเอง ซึ่งไม่มีอะไรสลับซับซ้อน”
พร้อมทั้ง เห็นว่า การศึกษาแก้ รธน. ควรเป็นหน้าที่ของ สสร.มาศึกษา ซึ่งไม่น่าเป็นกรรมการที่นายภูมิธรรม ตั้งขึ้นมาศึกษา ยกเว้นแต่จะแก้ไขในประเด็นเฉพาะใดๆ เท่านั้นจึงไม่ใช้ สสร. ดังนั้น การรำวงซื้อเวลาเพื่ออยู่นาน จึงไม่ใช่ต้องการความสำเร็จของการแก้ รธน.

"แต่ประเด็นหลักคือ การโหวตเลือกนายกฯ ที่ สว.จะไม่มีหน้าที่อีกต่อไปตั้งแต่ในเดือน พ.ค. 2567 ดังนั้น จึงไม่มีอะไรจะต้องตื่นเต้นอีก เพราะเรื่องอื่นในการแก้ รธน.เป็นเรื่องรองทั้งนั้น เนื่องจากทุกคนพยายามจะพูดแค่การโหวตเลือกนายกฯ ของ สว. ที่เป็นปัญหาของ รธน. 2560” 
นายจตุพร กล่าวว่า การแก้ รธน.ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี เพราะถ้าจะเอา รธน. 2540 เป็นต้นร่าง แต่การยึดอำนาจปี 2549 ยังได้ศึกษา รธน. 2540 แล้วในการแก้ไขในประเด็นใดบ้าง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการมาศึกษา เพราะไทยผลิต รธน.ออกมาตั้ง 20 ฉบับแล้ว และอาจมากกว่าหลายประเทศใหญ่ๆ ด้วยซ้ำไป

รวมทั้ง กล่าวว่า ประเด็นการแก้ รธน.จึงเป็นเพียงลูกเล่นการเมืองของเพื่อไทย หากต้องการผลสำเร็จการแก้ รธน.ต้องไม่คิดนำไปผูกติดกับการอยู่ยาว ทั้งที่ความจริงนั้น รัฐบาลชุดนี้อยู่สั้น มีเวลาไม่มากอยู่แล้ว ยิ่งตั้งท่าจะแก้ รธน.แบบนี้ เชื่อได้ว่าภายใต้นายกฯ ชื่อนายเศรษฐา ไม่ได้ทำแน่นอน ดังนั้น การได้เป็นรัฐบาลแบบนี้ไม่ได้มั่นคงแข็งแรงอะไรเลย

“สิ่งที่สำคัญคือ การแก้ รธน.ต้องมีเจตนาสุจริตเป็นที่ตั้ง ถ้าเขียนเพื่อการถูกฉีกครั้งต่อไปยิ่งไม่มีประโยชน์ เพราะ รธน.ต้องคิดเรื่องชาติ บ้านเมือง เรื่องประชาชนเป็นหลัก ถ้าคิดเรื่องอำนาจของตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ จึงขอให้คิดกันดีๆ ในการแก้ รธน.”
นายจตุพร หวังว่า ประเทศไทยควรเดินด้วยกติกาที่ถูกต้องก็จะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย บ้านเมืองก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการซื้อเวลาอยู่นาน จะไม่มีประโยชน์อันใดกับ รธน.แบบจะแก้ไข ยิ่งจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก อีกอย่างถ้าการแก้ รธน.ต้องการเพียงผลทางการเมืองอย่างเดียวก็จะไม่สำเร็จ รวมทั้งอาจจะไม่ได้ทำด้วย ถ้าจะทำก็รีบทำทันที”

"อยากหวังว่า ในวันที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากเห็นบ้านเมือง อยากเห็นดอกไม้บาน อยากเห็นสิ่งสวยงาม ดีงาม และยังหวังอยู่ว่า หลายสิ่งหลายอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะสิ่งที่เห็นยังไม่ใช่ แต่สิ่งที่ใช่ก็ยังไม่เห็น"

 

 

ขอบคุณ:รายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน