วันที่ 6 ตุลาคม 2566 มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เชื่อมกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พบว่าไม่มีไม่มีรถยนต์ตู้ รถกระบะ รถจักรยานยนต์ที่มีพ่วง ทำการขนสินค้าเป็นจำนวนมากเหมือนเดิม โดยมีเพียงผู้คนและนักท่องเที่ยวที่ข้ามไปมาตามปกติ ส่วนการขนส่งสินค้ามีการใช้เพียงรถจักรยานยนต์พ่วงหรือบางคัน ส่วนจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ที่ใช้สำหรับขนส่งสินค้ายังคงมีการนำเข้าและส่งออกตามปกติ ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีการขนส่งสินค้าขนาดเล็กผ่านทางสะพานแห่งที่ 1 อย่างคึกคักตลอดทั้งวัน

เจ้าหน้าที่ ที่ประจำด่านพรมแดน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้แจ้งให้ผู้ขนส่งสินค้าทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 4-5 ต.ค.2566 เป็นต้นไป จะมีการเข้มงวดเรื่องการนำเข้าสินค้าจากฝั่งไทยตรงสะพานแห่งที่ 1 ไปยังประเทศเมียนมา โดยกำหนดให้นำเข้าสินค้าได้ด้วยมูลค่าเกิน 10,000 บาท ถ้ามากกว่านั้นจะไม่อนุญาตส่วนสินค้าที่นำเข้าหรือส่งออกที่จุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร ยังคงให้ดำเนินการตามปกติ 

ซึ่งภายหลังจากมีการแจ้งดังกล่าวได้ทำให้ช่วงแรก มีรถรถขนส่งสินค้าขนาดเล็กต่างพาไปจอด แออัดบริเวณหน้าด่านพรมแดนสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 และหลายคันขับย้อนกลับมายังฝั่งไทย กระทั่งวันที่ 5-6 ต.ค.นี้ จึงเริ่มปรับตัวและไม่มีรถไปแออัดหน้าด่านเหมือนเดิม และหลายรายหันไปขนส่งสินค้าผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 แทน

ทางด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว คาดว่าเป็นการจัดระเบียบและจัดระบบการจราจรที่เคยแออัด จากนั้นคาดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จะมีการปรึกษาหารือกันและเปิดให้มีการขนส่งสินค้าได้เหมือนเดิมในเร็ววันนี้ต่อไป 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่านับตั้งแต่สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2547 รัฐบาลไทยและเมียนมาได้ตกลงให้สะพานแห่งที่ 2 เป็นจุดขนส่งสินค้าจำนวนมาก ส่วนสะพานแห่งที่ 1 ใช้เพื่อการเดินทางเข้าออกของประชาชนทั้ง 2 ฝั่งประเทศและนักท่องเที่ยว แต่ก็มีรายงานว่ายุคหนึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมียนมาอนุญาตให้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สะพานแห่งที่ 1 ได้เล็กน้อย โดยคิดค่าใช้สะพานในอัตรา 3% ทำให้มีผู้ขนสินค้าดังกล่าวผ่านทางสะพานแห่งที่ 1 อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นลักษณะขนส่งไปกับยานพาหนะส่วนตัวคล้ายสินค้าติดตัว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พาณิชย์เมียนมาได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก และมีคำสั่งห้ามนำเข้าสินค้าเกิน 10,000 บาท 

กระนั้นมีรายงานว่า ทางการเมียนมาอาจจะยกเลิกมาตการในวันที่ 10 ต.ค.2566 หรือไม่เกิน 7 วันนับตั้งแต่มีมาตรการหรืออาจจะปรับมาตรการใหม่หรือคงมาตรการเดิม โดยยังไม่มีความชัดเจน ทำให้หลายฝ่ายเฝ้าจับตาคำสั่งจากรัฐบาลกลางของเมียนมาต่อไป.