"สยามรัฐ" ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน "นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ" แปลว่า "พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม"…*...

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ประสบเหตุร้ายที่พารากอน ...*...

 เราได้อะไรจากเหตุกราดยิงพารากอน นอกจากอารมณ์ของผู้คนโกรธแค้นกร่นด่า 5-10 วัน สุดท้ายมีเรื่องใหม่มาให้ด่าแล้วก็หลงลืมกันไป ศรพระราม ก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดเหตุซ้ำอีก ขอให้การถอดบทเรียนครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายและมีประสิทธิภาพนำไปสู่การแก้ไขในระยะต่อไป...*…

ถ้าถามว่าเราเห็นอะไร เราเห็นการเรียนรู้วิธีเอาตัวรอด จากเหตุกราดยิงของพนักงาน และเจ้าของร้านค้าที่อยู่ภายในห้างฯ การเข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วของตำรวจ  และการบริหารจัดการที่รวดเร็วของรัฐบาลเศรษฐา โดยเฉพาะ "นายกฯนิด" เศรษฐา ทวีสิน ทั้งในภาคสนาม และการประสานงานต่างประเทศ ...*...

ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องหันมาให้ความสำคัญเป็น “วาระแห่งชาติ” นอกจากความมั่นคงปลอดภัยภายนอก คือความมั่นคงด้านจิตใจ วิธีจัดการกับอารมณ์ ความเครียดต่างๆด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ทำร้ายตนเองและคนรอบข้าง ที่สำคัญคือ ไม่ละเมิดและผิดกฎหมาย ปลุกกระแสให้คนดูแลสุขภาพใจอย่างถูกวิธี เหมือนที่ลุกมาออกใส่ใจออกกำลังกาย ...*...

 เพราะเราไม่มีโอกาสล่วงรู้เลย ว่ากำลังใช้ชีวิตประจำวันปะปนกับคนที่ป่วยไข้ ติดไวรัสร้ายแห่งความรุนแรง และการไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจมากมายขนาดไหน ต้องช่วยกันฉีดวัคซีนป้องกัน ...*...

ว้าวุ่นเลย   ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศแตกหักกับชั้น 14  ทักษิณ ชินวัตร สะบั้นสัมพันธ์ 30 กว่าปี หลังล่วงรู้ปมเหตุที่ทำให้ บุตรชาย วัน อยู่บำรุง ต้องชวดตำแหน่งทางการเมือง แบบเจ็บจี๊ดที่ว่า “เป็นคนกวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง”...*...

“เฉลิม” แม้จะชรา ในวัย 76 เข้าใจดีว่า ตนเองนั้น ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายในการไปต่อกับพรรคเพื่อไทย ในยุค “ผลัดใบ”ใต้การนำของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หากแต่ บุตรชายของเค้า “วัน” นั้นก็ถือเป็นคนรุ่นใหม่ แต่กลับไม่ได้รับการโปรโมต งานนี้ จึงมีอาการดั่งคนอกหัก ประกาศสะบั้นรักแตกหักทันที ...*...

“...นายทักษิณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โตได้ในพรรคของคุณ นายทักษิณไล่ผมออกสิ นึกถึงแก้คดี 8 คดี ให้คุณแล้ว ผมคิดว่า นายทักษิณจะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือเอ่ยเท้าเพราะไม่สุภาพ และตนก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน ผมจะหันหลังให้นายทักษิณตลอดชีวิต ...*...

 ที่พูดมาทั้งหมดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนิทกับครอบครัวนายทักษิณ ผมสนิทเพียงนายทักษิณและคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เท่านั้น แต่หลังจากนี้คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก มันสายเกินไปแล้ว”...*...

ชะตากรรมของ “เฉลิม” สะท้อนอนาคตคนรุ่นเก่า ในพรรคเพื่อไทย นับจากนี้จะมีสถานะอย่างไร ในพรรคเพื่อไทย ...*...

ที่มา:ศรพระราม (6/10/66)