บิ๊กเซอร์ไพรส์! "ทนายอนันต์ชัย" ควง "เสรีพิศุทธ์" ร้อง "ปปช." ฟัน "เศรษฐา ทวีสิน" และก.ตร. อีก 9 คน ปมแต่งตั้ง "ผบ.ตร." คนที่ 14 ตามมาตรา 157 จ่อร้อง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ต่อ ปัดไม่ได้รับเงินค่าทนาย 5 ล้าน 10 ล้าน จาก รอง ผบ.ตร. ขณะที่ "ปลัดฉิ่ง" เผยผลสอบปมบุกค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" ยังไม่ได้ข้อยุติ ชี้หากจำเป็นขยายเวลาตรวจสอบต่อได้ ยันเดินหน้าสอบต่อ แม้ "2 บิ๊ก" ดีกันแล้ว ชี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค.66 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ แถลงข่าว "Super Big Surprise วงการสีกากี" โดยระบุว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้ใหญ่ให้ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อป.ป.ช.

 โดย นายอนันต์ชัย กล่าวว่า การมายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ ถ้าบุคคลดังกล่าวโทรมาสั่งปิดปากห้ามตนให้สัมภาษณ์เรื่องคดี ดังนั้นเป็นเหตุผลที่ตนมายื่นเรื่องในวันนี้ ซึ่งบุคคลดังกล่าวให้เหตุผลที่ห้ามว่าจะส่งผลกระทบต่อองค์กรตำรวจและรัฐบาล สำหรับบุคคลดังกล่าวเป็นพลเรือนมีตำแหน่งในรัฐบาล ไม่ใช่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.  เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกรณีปรากฏภาพร่วมรับประทานอาหารกันระหว่าง ผบ. ตร.กับรองผบ.ตร.อีก 4 ท่าน นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เรื่องของละครช่อง 3 ช่อง 7
 "ฮ่องเต้ที่ว่าเดิมเป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แต่วันนี้ไม่ใช่ ซึ่งเขาจะมีหลักฐานนำมาในวันนี้เป็นตะกร้า เพื่อให้มีการปฏิรูปองค์กรตำรวจ" 

 นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า เรื่องเงินค่าจ้างจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น ไม่เป็นความจริง ตามที่มีคนโจมตีตนเองว่าได้ค่าจ้าง 5 ล้าน 10 ล้านบาท ค่าจ้างนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขอสาบาน เนื่องจากตนไม่ได้ทำคดีให้บิ๊กโจ๊ก เพราะบิ๊กโจ๊ก ยังไม่ได้มีคดีความแต่อย่างใด แม้ตอนนี้จะถือว่ามีมลทินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกค้นบ้าน ยืนยันว่าจะยังคงว่าความให้กับตำรวจทั้ง 8 นาย ตนจะไม่ทิ้งในส่วน ตร.ที่ยังไม่มีทนายความ

 "สำหรับการที่มายื่นเรื่องต่อป.ป.ช. วันนี้จะยังคงมีเรื่องคดีที่เกี่ยวพันไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ซึ่งมีทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย วันนี้ผมยืนยันว่าต่อจากนี้หากใครมาพูดให้ผมเสื่อมเสีย ยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีทุกคน ผมทำงานเพื่อองค์กรรักษาศาสนาไม่ใช่เป็นเด็กอยู่วัดแต่อย่างใด ที่ผ่านมาผมทำงานให้ความรู้ด้านกฎหมาย โดยที่ไม่ได้มีค่าจ้างแต่อย่างใด" นายอนันต์ชัย กล่าว

     ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. และก.ตร. จำนวน 9 คน เกี่ยวกับประเด็นการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 14 ในฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91

 วันเดียวกัน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ปปง. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ ว่า เรื่องของการดำเนินการก็เป็นไปตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย

 เมื่อถามว่า จะสามารถได้ข้อสรุปได้เมื่อไหร่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ตามคำสั่งให้เวลา 30 วัน ถ้ามีเหตุผลความจำเป็นขอขยายได้ เมื่อถามย้ำว่า น่าจะเสร็จภายใน 30 วันหรือไม่ นายฉัตรชัย ตอบว่า ต้องดูข้อเท็จจริงมีมากน้อยแค่ไหน เพราะดำเนินการกับหลายคน หลายพื้นที่ เราให้น้ำหนักในภาพรวม เป็นเรื่องเฉพาะข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 เมื่อถามว่า ดูเหมือนคู่กรณีคืนดีกันแล้ว จะมีผลต่อการสอบสวนหรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า การคืนดีก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ส่วนตนก็ทำหน้าที่ตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่า การคืนดีกันก็ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนใช่หรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อมูลอื่น ตนว่าตามข้อเท็จจริงที่มีอยู่ เมื่อถามว่า จากที่กำลังสอบสวนอยู่ในขณะนี้มีมูลหรือไม่ นายฉัตรชัย ตอบว่า การสอบยังไม่ได้ข้อยุติ เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.  เกี่ยวข้องหรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ทุกคนที่เกี่ยวในวันนั้นก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เมื่อถามว่า ตรงนี้จะเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพอจะตรวจสอบไปถึงเส้นทางการเงินด้วยหรือไม่ นายฉัตรชัย ตอบว่า ยัง