นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "น่าเป็นห่วง?"เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2566 ระบุว่า พรรคเพื่อไทยอย่าลีลามากกับการแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท เพราะประชาชนรอรับอยู่ อีกทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และผู้รู้ทางการเงิน การคลังรอถล่มให้ยับเยินเช่นกัน

นายจตุพร เชื่อว่า การแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท พรรคเพื่อไทยคงคิดกระบวนการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่กล้าประกาศตรงไปตรงมา เพราะเกรงถูกหน่วยงานเศรษฐกิจด้านการเงิน การคลังจ้องจับตาดูอยู่ ดังนั้น จึงต้องอธิบายแบบดีเลย์หรือยื้อกันไปเรื่อยๆ ไว้ก่อน

อีกทั้ง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยประกาศวางหลักการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนต้องแจกเบ็ด ไม่แจกปลา เพราะกลัวกินหมดแล้วก็หมดไป แต่วันนี้แจกเงินดิจิทัลหากว่ากันตามความจริงแล้วควรจ่ายเงินเข้าบัญชีประชาชนเพื่อเป็นการกระตุ้นการบริโภคเลยจะดีกว่า ซึ่งจะไม่ต้องถกเถียงเรื่องบล็อกเชนให้เป็นปัญหาซ้ำซ้อนกันอีก

"วันนี้ไม่มีเหตุผลเลยว่า เพื่อไทยต้องการอะไรกันแน่ ที่บอกว่าเป็นการตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการแจกเงินหมื่นบาทไปซื้ออย่างเดียวในเวลา 6 เดือน แล้วหลังจากนั้นคืออะไร เพราะปลายทางก็จบลงที่บรรดาเจ้าสัวไม่กี่เจ้าเหมือนเดิม ซึ่งเจ้าสัวเหล่านี้มีสินค้าเป็นแสนชนิด หรือครบตามความต้องการบริโภคของประชาชน แล้วยังมีความสงสัยตามมากับการใช้ระบบดิจิทัลเป็นผลประโยชน์เชิงซ้อนอีกมากมาย”

นายจตุพร กังขาว่า การนำเงินภาษีประชาชนไปแจกจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร นอกจากเงินจะไปเข้ากลุ่มเจ้าสัวแล้ว ยังเกิดผลต่อระบบเงินดิจิทัลด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้กระทบต่อค่าเงินบาท และผลประโยชน์อื่นใดที่เป็นข้อสงสัยมากมายตามมาอีก

"เมื่อเรื่องมาถึงขณะนี้แล้ว อย่าลีลากันเลย อยากจะทำจะแจกก็เปิดออกมาเลย อีกอย่างการจำนำข้าวยังไม่สลับซับซ้อนเท่านี้ แต่การแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทยังมีการซ้อนกันถึงสองชั้นทั้งอนาล็อกและดิจิทัล”

นายจตุพร หวังว่า รัฐบาลจะได้อยู่ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เพื่อได้แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท เนื่องจากเรื่องนี้จะมีผลแรงมากกว่าทุกมาตรการที่รัฐบาลเพื่อไทยหรือไทยรักไทยได้ประกาศเป็นนโยบายในอดีต สิ่งสำคัญเมื่อแจกเงินดิจิทัลแล้วเกิดความเสียหายก็ไมีใครอยู่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น 

รวมทั้งระบุว่า รัฐบาลคิดจะทำอะไรกับการแจกเงินดิจิทัลก็ควรลงมือทำเลย ประกาศออกมาให้ชัด เพราะตนเชื่อว่าคิดไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่ได้คิดเลยถือว่าอาการหนักแล้วที่ประกาศเป็นนโยบายหาเสียง ดังนั้น อย่ามายื้อเวลาไปเรื่อยๆ 

"เชื่อว่า หากประกาศออกมาแต่ละขั้นตอนแล้ว การแจกเงินดิจิทัลคงถูกต่อต้านยับเยินแน่นอน เพราะเงินมากถึง 5.6 แสนล้านบาทเป็นภาษีของประชาชน จะทำอย่างไรก็ควรให้เป็นประเด็นสาธารณะ ให้ผู้รู้ได้คิดอ่าน ได้ชำแหละให้เกิดความรอบคอบ ไม่ให้เกิดความเสียยหายต่อประเทศอีก”

 

 

ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน