เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 5 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ก.ตร.คนอื่น ๆ รวม 10 คน กรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมิชอบ เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงหลักอาวุโส ตามที่กฎหมายกำหนด ว่า การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 77และ78 ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 โดยสาระสำคัญระบุว่า ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นผบ.ตร.จะต้องเป็นรองผบ.ตร. หรือจเรตำรวจ ซึ่งในการพิจารณาวันนั้น มีบุคคลที่มีคุณสมบัติคือรองผบ.ตร. 4 ท่าน โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกให้ยึดลำดับอาวุโส และความรู้ความสามารถ ทั้งนี้กฎหมายก่อนนี้ระบุว่าให้ยึดเพียงอาวุโสเป็นหลัก แต่พ.ร.บ.ตำรวจปี 65 ให้พิจารณาเรื่องความรู้ความสามารถด้วย โดยให้นายกฯเป็นผู้เสนอชื่อ และที่ประชุม ก.ตร.เป็นผู้ลงมติโหวต
นายชัย กล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงแคนดิเดตทั้ง 4 คน ในแง่อาวุโสนั้นมี 2 ระดับ คือพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. มีความอาวุโสสูงที่สุด และมากกว่าอีก 3 คน 1 ปี ขณะที่อีก 3 คนอาวุโสเท่ากันและเข้ามาเป็นรองผบ.ตร.พร้อมกัน โดยก่อนที่นายกฯจะเสนอชื่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้เปิดให้ก.ตร.แสดงความคิดเห็นถึงความรู้ ความสามารถของแคนดิเดตผบ.ตร. แต่ละคนว่าเป็นอย่างไร รวมถึงได้ให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น เป็นผู้นำเสนอความคิดเห็นในฐานะผู้บังคับบัญชาว่าแคนดิเดตผบ.ตร.แต่ละคนเป็นอย่างไร โดยนายกฯได้รับความคิดเห็นอย่างรอบด้านทั้งความรู้ ความสามารถและประเมินแล้วว่าความแตกต่างทางอาวุโสห่างกันเพียงปีเดียว จึงได้เสนอพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร. และที่ประชุมก็เห็นชอบกับข้อเสนอของนายกฯ
"เมื่อเทียบข้อเท็จจริงกับกฎหมาย การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่มีปัญหา ถูกต้องตามหลักกฎหมายทุกประการ ข้อเท็จจริงมีความชอบธรรม สมเหตุสมผล นายกฯไม่ได้ลุแก่อำนาจ ยึดตามหลักกฎหมาย และรับฟังอย่างรอบด้านแล้วจริงๆ"นายชัย กล่าว
เมื่อถามว่า จากการฟ้องร้องขณะนี้จะดำเนินการอย่างไร นายชัย กล่าวว่า ก็จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง ให้ไปชี้แจงที่ไหนก็ทำได้ ไม่ใช่เฉพาะนายกฯแต่คนที่นั่งอยู่ห้องประชุมเขารู้ว่าอะไรเกิดขึ้นสามารถชี้แจงได้ทุกคน
เมื่อถามต่อว่า นายกฯได้ปรารภเรื่องนี้อย่างไร นายชัย กล่าวว่า นายกฯบอกแต่เพียงว่า นึกไม่ถึงว่าจะเป็นปัญหา และมันไม่ควรจะเป็นเรื่อง ทำให้เสียเวลา เสียสมาธิในการทำงาน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วสังคมก็อยากรู้ จึงให้ตนมาชี้แจงทำความเข้าใจ