วันที่ 5 ต.ค.2566 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา สส.พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ…. ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า สืบเนื่องมากจากความขัดแย้งทางการเมือง ที่ยืดเยื้อต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับตั้งการชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรประชนชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่11ก.พ.49 ลุกลามบานปลายจนเกิดการรัฐประหาร 19ก.ย.49 โดยคณะปฏิรูปการปกครองฯ ต่อมายังมีการรัฐประหารซ้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งในห้วงเวลาเหล่านี้มีประชาชาชนจำนวนมากเข้าไปมีส่วนร่วมชุมนุม หรือแสดงออกทางการเมืองรูปแบบต่างๆ ตลอดระยะเวลามีประชาชนนับพันคนถูกดำเนินคดี ตั้งแต่คดีเล็กน้อยไปจนถึบคดีร้ายแรงเกี่ยวกับความมั่นคง
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า การดำเนินการมาถึงปัจจุบัน ยังไม่มีท่าทีจะยุติ คดีใดที่มีการกล่าวหาไปแล้วหลายคดีก็ยังสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ยากที่จะทำให้สังคมไทยกลับสู่ความปกติสุข หรือสามัคคีกันในสังคม ประชาชนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน มองว่าฝ่ายรัฐไม่มีความเคารพความเห็นต่างทางการเมือง ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง
"เพื่อให้สังคมไทยได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ จำเป็นต้องยุติการใช้นิติสงครามต่อประชาชน ให้ประชาชนที่เคยแสดงออกทางการเมือง โดยมีเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าวได้หลุดพ้นจากการดำเนิคดี ดังนั้นการนิรโทษกรรมจึงเป็นหนทางที่จะถอนฝืนออกจากกองไฟ หยุดยุตินิติสงคราม เป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นสร้างความยุติธรรม และความปรองดองที่ยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป" นายชัยธวัช กล่าว
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า สำหรับเนื้อหาสาระสำคัญของร่างฯดังกล่าว มีดังนี้ 1.กำหนดให้บรรดาการกระทำใดๆของบุคคลผู้เข้าร่วมเดินขบวนชุมนุมทางการเมืองตลอดจนการกระทำทางกายภาพ หรือการแสดงความคิดเห็นใดๆที่เป็นความผิดตามกฎหมาย ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 11ก.พ.49 จนถึงร่างฯพ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ หากการกระทำดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดกับพันธะกฎหมายต่าบประเทศ
2.การนิรโทษฯจะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม หากเป็นการกระทำเกินสมควรกว่าเหตุ ตลอดจนจะไม่นิรโทษฯการกระทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และไม่นิรโทษฯการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา113
3.กลไกการนิรโทษฯจะกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม คณะกรรมการฯชุดนี้ ในร่างฯของพรรคก้าวไกล จะเสนอให้มีคณะกรรมการฯจำนวน9คน ซึ่งประธานรัฐสภา จะเป็นผู้แต่งตั้งบุคคลดังต่อไปนี้ 1.ประธานสภาฯ 1 คน 2.ผู้นำฝ่ายค้าน 1 คน 3.บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) 1 คน 4.มาจากบุคคลที่สภาฯเลือก 2 คน 5.ผู้พิพากษา หรืออดีตผู้พิพากษา 1 คน 6.ตุลาการ หรืออดีตตุลาการ 1 คน 7.พนักงานอัยการหรืออดีตพนักงานอัยการอีก 1 คน ซึ่งต้องมาจากการนำเสนอของศาลปกครองและอัยการเอง และ8.เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 1 คน
4.กำหนดสิทธิผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากระเบียบ ประกาศ คำสั่ง คำวินิจฉัย มติ หรือการกระทำของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำผิด เพื่อการนิรโทษกรรมตามพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับนี้ ให้มีสิทธิ์สามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้เอง
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการคืนชีวิตใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนที่โดนนิติสงคราม เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง หรือแสดงออกในทางการเมืองใดๆ แล้วถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งพี่น้องประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่า สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตัวเองในการเสริมสร้างบ้านเมืองโดยสันติ ได้รับการกระทบกระเทือน หรือการละเมิด เราเชื่อว่าการนิรโทษกรรมนี้ เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หากพรรคการเมืองต่างๆ มีเจตจำนงร่วมกัน ที่จะผลักดัน และหากเราพิจารณาให้ดีเราจะพบว่า พรรคการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ หรือไม่ได้ปฏิเสธการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแต่อย่างใด" นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกสี ที่เคยมีความขัดแย้งกันในอดีตให้สำเร็จ เราเชื่อว่าแม้ประชาชนคนไทยอาจจะไม่ได้มีความคิดเห็นทางการเมืองตรงกันทั้งหมด แต่ตนก็เชื่อว่าประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ต่างได้มาแสดงออกทางการเมือง และขัดแย้งกัน โดยยืนอยู่บนพื้นฐานที่ตัวเองอยากจะผลักดันให้สังคมเป็นสังคมที่ดีตามความคิดความเชื่อของตัวเอง เราเชื่อว่า การยุติการต่อสู้ การยุติการดำเนินคดี การยุตินิติสงครามกับประชาชนไม่ว่าฝ่ายไหน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนทุกฝ่ายได้ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยโดยสันติ หันหน้าเข้ามาหากัน เพื่อแสวงหาฉันทามติครั้งใหม่ของสังคมอีกครั้งในอนาคต
ด้านประธานสภาฯ กล่าวว่า จะได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการสภาฯตรวจสอบลายเซ็นผู้ยื่นร่างฯ และสาระต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับภายใน7วัน และจะแจ้งกลับไปผู้ยื่นให้ทราบโดยเร็ว