จากกรณีเหตุการณ์เยาวชนอายุ 14 ปีคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืน กราดยิงใส่ผู้บริสุทธิ์ ภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ถนนพระราม 1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม.ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาวจีน 1 ราย และชาวเมียนมา 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 5 ราย เป็นชาวจีน 1 ราย ซึ่งเดินทางพร้อมกับชาวจีนที่เสียชีวิต ชาว สปป.ลาว 1 ราย และชาวไทย 3 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รัฐบาลไทยจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด รวมถึงการที่ครอบครัวจะเดินทางมาพบญาติผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ในส่วนของผู้บาดเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้รับไว้ในพระราชานุเคราะห์ ดังที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทุกที่ทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนที่เสียชีวิต และอีกหนึ่งรายที่ได้รับบาดเจ็บ เดินทางเข้าประเทศไทยตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน (วีซ่า-ฟรี) เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา น่าจะกระทบความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีน แต่จะพยายามสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยว พยายามจะควบคุมไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก 

ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท.ได้วางกรอบการสื่อสารภาพลักษณ์ เป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งต้องบริหารจัดการภาพลักษณ์ด้านลบที่จะเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวด้วย ขณะที่ระยะยาวต้องทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจ

ขณะที่ นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย หรือ เอทีทีเอ็ม กล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่า จากการประเมินเบื้องต้นในกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว จะมีผลกระทบทางจิตวิทยากังวลต่อเนื่องความปลอดภัยในไทย อาจกระทบยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยหายไปประมาณ 50% เดือนตุลาคมนี้ หรือจากคาดไว้ 7 แสนคน เหลือ 3 แสนคน กระทบใน 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยหายไป 30% ต่อเดือนเท่ากับ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยจะหายไปประมาณ 7.7 แสนคน

อีกทั้งถ้าหากรวมกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่มีเชื้อสายจีน ชาวมาเลเซีย หรือเกาหลีใต้ อาจหายไปบางส่วน ดังนั้นมีโอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหายไปประมาณ 1 ล้านคน ภายใน 3 เดือนนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และน่าจะฟื้นตัวอีกครั้งต้นปี 2567

ส่วน นายซีซาร์ อินทรา ประธานบริษัท Traveloka กล่าวว่า  จากเหตุการณ์ดังกล่าวในแง่ของการเดินทาง ทราเวลโลก้าประเมินว่ายังไม่เห็นแนวโน้มการชะลอตัวลงของนักท่องเที่ยว ยังเชื่อมั่นว่าไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอ และเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยม