เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 4 ต.ค.66 นายปทุม คงคากรวัชร์ รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่ง (ส.ท.ช.) พร้อมทีมงาน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีนายปกครอง สุวรรณดารา ตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มฯ ได้รับมอบหมายให้มารับหนังสือแทน ซึ่งภายหลังการยื่นหนังสือเสร็จสิ้น
นายปทุม กล่าวว่า "เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ" (ส.ท.ช.) ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เป็นจำนวนมากว่า ขอให้ตรวจสอบโครงการการก่อสร้างเสาไฟฟ้า เนื่องจากพบว่ามีการติดตั้งเสาไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพ และไม่ตรงตามคุณลักษณะตามที่กำหนดไว้ในการประกวดราคาและสัญญา โดยสัญญากำหนดว่า เสาไฟฟ้าที่นำมาติดตั้งนั้น จะต้องเป็นเหล็กชุบกัลวาไนซ์ และทำสี 2 หน้า จะมีความคงทนต่อการกัดกร่อน และมีอายุการใช้งานอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 30-50 ปี หลังจากที่ “เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.)เคยเข้าร้องเรียนทั้ง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของพื้นที่ และ ป.ป.ช. ส่วนกลาง สนามบินน้ำ รวมหลายครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 ที่ผ่านมา ส.ท.ช. ได้รับหนังสือจาก นายสุกฤษฎิ์ เทียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งให้ทราบว่า ทาง ป.ป.ช. จะไม่รับเรื่องข้อกล่าวหาดังกล่าวไว้พิจารณา และเปิดโอกาสให้ผู้ร้องสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ไม่เกิน 30 วัน ดังนั้นการยื่นหนังสือในวันนี้ ส.ท.ช. ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงชุดสอบสวนชุดใหม่ เพื่อความเป็นธรรมต่อประชาชนอีกด้วย
รองประธาน ส.ท.ช. กล่าวอีกว่า การก่อสร้างเสาไฟฟ้าครั้ง กรณีป.ป.ช.สมุทรปราการ ไม่รับเรื่องกล่าวไว้พิจารณา โครงการติดตั้งเสาไฟฟ้า 6 ล้าน ของเทศบาลบาล ต.สำโรงเหนือ ไม่ถึง 10 ปี เสียหายเกือบทั้งโครงการ เกือบ 50 ต้น ยังไม่พบสาเหตุเพียงพอที่จะเอาผิดอีกหรือ ผู้ร้องยังแคลงใจที่ว่า ในสัญญาระบุว่าเป็นเหล็ชุบกัลวาไนซ์ แต่ผู้รับจ้างนำแผ่นเหล็กธรรมดาพ้นสีทับมาใช้แทน ทำให้เสาไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ต้องรื้อถอนก่อนอายุงานที่ควร การรื้อถอนที่ทางเทศบาล ต.สำโรงเหนือ แจ้งว่าทางโครงการรถไฟฟ้าจะดำเนินการก่อสร้างจึงขอคืนพื้นที่ และแขวงทางหลวงสมุทรปราการ แจ้งให้รื้อถอนเสาไฟฟ้าของเทศบาล ซึ่งขัดกับเอกสารการประชุมสภาเทศบาล เมื่อปี พ.ศ.2554 ประชาชนจึงเห็นว่า การบริหารงานงบประมาณแบบนี้ ทำให้เกิดความไม่คุ้มค่า และไม่คำนึงถึงความเสียหายหลังดำเนินโครงการไปแล้วและชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่
ดังนั้น "เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ" (ส.ท.ช.) จึงต้องเข้าอุธรณ์ต่อ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ท่านพิจารณาทบทวนคำสั่งไม่รับเรื่องกล่าวหาไว้พิจารณา และขอให้ช่วยสับเปลี่ยนชุดกรรมการตรวจสอบชุดใหม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายปทุม คงคากรวัชร์ รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่ง (ส.ท.ช.) ยังได้เดินทางไปยื่นหนังในเรื่องดังกล่าวกับท่านผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดินประจำจังหวัดสมุทรปราการ อีกด้วย.