วันที่ 4 ต.ค. 2566 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจด้านคมนาคมขนส่งทางน้ำให้กรมเจ้าท่า โดยมี นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และรักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ให้การต้อนรับ

นางมนพร เปิดเผยว่า กำชับกรมเจ้าท่าให้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย พร้อมจัดเรือและจัดเจ้าหน้าที่ให้พร้อมดูแลประชาชน รวมทั้งขอความร่วมมือเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา ลดความเร็วในการเดินเรือเพื่อลดผลกระทบจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในสองฝั่งริมน้ำ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ให้เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างท้อในปีงบฯ 66 จำนวน 1,600 ล้านบาท จากที่ได้รับงบประมาณ 4,700 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายไปแล้วได้ 63% จากเป้าหมาย 100% ล่าช้าเพราะบางโครงการผู้ยื่นไม่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไข และมีการปรับเปลี่ยนแบบการก่อสร้าง เช่น โครงการเสริมทรายหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี และหาดชะอำ จ.เพชรบุรี และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำป่าสัก คาดว่าจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบที่ค้างท่อให้แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 66

นางมนพร กล่าวต่อว่า รวมทั้งการขอจัดตั้งงบประมาณปี 67 จำนวน 7,700 ล้านบาท เพื่อดำเนินการระบบโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ และโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วให้มีความต่อเนื่อง เน้นการดำเนินปรับปรังท่าเรือ เช่น การพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 29 ท่าเรือ และการขุดลอดร่องน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเรือสะดวก ปลอดภัย

นายกริชเพชร กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 67 กรมฯ ได้พัฒนายกระดับท่าเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 29 ท่าเรือ เพื่อให้แล้วเสร็จทั้งหมดในปี 69 ปัจจุบันสร้างท่าเรือเสร็จแล้ว 8 ท่า เช่น ท่าเรือกรมเจ้าท่า และ ท่าเรือสะพานพุทธ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10 ท่าเรือ เช่น ท่าเรือท่าเตียน คาดเร่งรัดเปิดบริการในปีนี้ โดยในปี 67 เร่งดำเนินการปรับปรุงท่าเรือที่มีการต่อเนื่องอีก ไม่ว่าเป็นการปรับปรุงท่าเรือปากเกร็ด และท่าเรือพระราม 7