เมื่อเวลา 08.26 น. วันที่ 3 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัย หลังจากได้ลงพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ว่า ขณะนี้อ่างเก็บน้ำ และเขื่อนมีการกักเก็บน้ำเกินกว่าร้อยละ 50 ซึ่งปัญหาทางภาคกลางยังมีปัญหาอยู่ และเป็นพื้นที่ที่ต้องติดตามเฝ้าระวัง เพราะแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไม่มีเขื่อนรองรับ จึงทำให้น้ำเกิดน้ำท่วม เพราะมวลน้ำที่ไหลมามีจำนวนมากถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เวลาฝนตกลงแม่น้ำยม ไม่ว่าจะผ่านจังหวัดใดก็มีปัญหา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัยถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเป็นท้องกระทะ เมื่อน้ำจากจังหวัดกำแพงเพชร พะเยาและแพร่ ล้นก็ไหลเข้าสู่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งผ่านไป 2 วันความเสียหาย ในจังหวัดสุโขทัยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายกว่า 1 แสนไร่ และประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 4 พันครอบครัว โดยได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่และสุโขทัยให้ดำเนินการป้องกัน แต่หากยังมีน้ำเติมเข้ามาในพื้นที่ ก็จะทำให้มีผลกระทบ โดยน้ำไหลผ่านแนวกั้นมาแล้ว 4 แห่ง ทำให้เกิดผลกระทบที่จังหวัดสุโขทัย แต่ขณะนี้ ได้ระบายน้ำไปอีกทางหนึ่ง คือระบายไปทางจังหวัดอุตรดิตถ์ แม้โครงการการปรับปรุงคลองยม-น่าน จ.สุโขทัย ยังไม่เรียบร้อยดีแต่ก็สามารถดำเนินการได้ โดยพยายามปล่อยให้เต็มที่
นายสมศักดิ์ ยังยืนยันว่า แต่ละจังหวัดที่อยู่รอบจังหวัดสุโขทัยไม่มีปัญหาเรื่องการปล่อยน้ำ เพราะ แม่น้ำยมไม่มีเขื่อน แต่ครั้งนี้ปริมาณน้ำไม่หนักเท่าปี 2554 ที่มีความเสียหาย 1.4 ล้านล้านบาท และเนื่องจากแม่น้ำยมไม่มีเขื่อนกั้น ก็ทำให้เกิดความเสียหายทุกปี ซึ่งทุกรัฐบาลมีความเข้าใจในการแก้ไขที่ จะทำให้เกิดอย่างถาวร แต่ขณะนี้ฝั่งขวาแม่น้ำยม กำลังดำเนินการเรื่องฝายกั้น เพื่อแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว