วันที่ 2 ต.ค.2566 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า เมื่อพรรคก้าวไกล มีสส.ลดลง 1 คน วิปรัฐบาลจึงคำนวณจำนวนประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) และตัวกมธ.ใหม่ตามสัดส่วนคณิตศาสตร์ ทำให้พรรคก้าวไกลมีจำนวนประธานคณะกมธ. เหลือ 10 คณะ ส่วนพรรค รทสช. จะได้เพิ่มจาก 2 เป็น 3 คณะ รวมถึงยังส่งผลต่อจำนวนตัวกมธ.ด้วย โดยพรรคประชาชาติจะได้ตัวกมธ. จาก 9 เป็น 10 คน

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลบ้างหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยกันเพราะได้พูดคุยกันไปแล้ว และหากพรรคก้าวไกลไม่ยินยอม ก็จะไปโหวตกันในที่ประชุมสภาฯใหญ่ ซึ่งเราไม่อยากให้ถึงขั้นโหวต อยากให้ตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนประธานกมธ. ก็จะไปโหวตในที่ประชุมกมธ.ของแต่ละคณะ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ต.ค. นี้

นายอัครเดช กล่าวอีกว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลยังได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎร   เนื่องจากทางพรรคพลังประชารัฐขอเสนอเปลี่ยนชื่อ คณะกมธ.แก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ เป็น คณะกมธ.ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างรายได้ และ คณะกมธ.การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตเกษตรกรรม เป็นคณะกมธ.จัดการน้ำ เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลที่เสนอขอเปลี่ยนชื่อจาก คณะกมธ.วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม  เป็นคณะกมธ.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อกระทรวงอุดมศึกษาฯ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมสภาฯสัปดาห์นี้ และตั้งคณะกมธ.จำนวน 20 คน โดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ซึ่งจะต้องพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 7 วัน

"ในการประชุมสภาฯ วันที่ 4 ต.ค.นี้ จะพิจารณาตั้งคณะกมธ.สามัญ ทั้ง35 คณะแล้ว สส.รัฐบาล จะยื่นญัตติด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแล้ว ส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาด้วย" นายอัครเดช กล่าว