บล.ดีบีเอส ติดสปีดสู่ยุค Digital เปิดให้บริการ แอปพลิเคชันการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านมือถือ “DBSV mTrading Thailand” หวังเพิ่มศักยภาพ-ประสิทธิภาพและเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ขณะที่ฝ่ายวิจัยมองหุ้นโค้งสุดท้ายมีโอกาสฟื้นตัว  เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1,650 จุด  ชี้มาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาล เป็นแรงส่ง จับตาความท้าทาย การบริหารฐานะการคลัง จากการใช้นโยบายประชานิยมขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องติดตาม  แนะกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4/66 ลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ชูหุ้นเด่น  BBL, CPALL, CRC, AOT, AMATA, PTTEP 

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)  ได้มีการเปิดตัว แอปพลิเคชันการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านมือถือ “DBSV mTrading Thailand” ในงานสัมมนาใหญ่หัวข้อ “ปรับกลยุทธ์ จับเทรนด์ การลงทุนหุ้นไทย-เทศ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา  โดยลูกค้าที่สนใจ สามารถสมัครการใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ พร้อมรับโปรโมชันสำหรับการลงทุนต่างประเทศอีกมากมาย 

นายวิชญ์นนท์ วงษ์ไชยคุณากร ผู้อำนวยการ อาวุโส ฝ่าย Digital Business  บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แอปพลิเคชันการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านมือถือ “DBSV mTrading Thailand” ให้บริการทั้งในระบบ iOS และ Android เพื่อความสะดวก และเพิ่มศักยภาพการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้กับนักลงทุน รวมทั้งเป็นการเปิดรับเทคโนโลยี Digital การลงทุนใหม่ ๆเพื่อให้สอดรับกับเมกะเทรนด์โลก สร้างโอกาสการแข่งขันและพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น   ขณะเดียวกันก็เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน  

“DBSV mTrading Thailand” เป็นบริการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านมือถือ แห่งแรกแห่งเดียวที่มีภาษาให้ลูกค้าเลือกได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สามารถลงทุนได้ถึง 9 ตลาด ใน 7 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อเมริกา แคนาดา และอังกฤษ พร้อมด้วยข้อมูล และเครื่องมือช่วยในการลงทุนอย่างครบถ้วนทั้งทางเทคนิค และพื้นฐาน ข้อมูลเชิงลึก ราคาเป้าหมาย พร้อมความเห็นจากนักวิเคราะห์ (consensus) จากนักวิเคราะห์ทั่วโลก และบริการอีกมากมาย”นายวิชญ์นนท์ กล่าว

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนา หัวข้อ “ปรับกลยุทธ์ จับเทรนด์ การลงทุนหุ้นไทย-เทศว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(สิ้นสุด ( 25 ก.ย) ปรับตัวลดลง 10%  ถือว่า Underperform เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของภาพรวมตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% และค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง (YTD) 154,956 ล้านบาท  ซึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดคือ ความไม่ชัดเจนทางการเมืองหลังเลือกตั้งเสร็จเมื่อ 14 พ.ค.66 ภาคส่งออกที่หดตัว และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ช้ากว่าคาดเพราะปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว รวมถึงตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/2566 ที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 37%   

โดยกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ ฝ่ายวิจัยของบริษัทให้เป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,650 จุด  โดยอิงกับ P/E 18.8 เท่า และเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 1,750 จุด ปัจจัยที่สนับสนุนคือการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน ที่คาดว่าจะพลิกมาเป็นบวกในช่วงครึ่งปีหลัง และเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มการท่องเที่ยวและบริโภค  รวมถึงความคาดหวังว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะโตขึ้น จากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ อย่างไรก็ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ถือเป็นความหวัง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความกังวลและความท้าทาย จากกรณีที่เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค การบริหารฐานะการคลัง จากการใช้นโยบายประชานิยมขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องติดตาม นอกจากนั้นยังมีประเด็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ถ้ามีความรุนแรงมาก ก็อาจทำให้ดัชนีไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวถึงการลงทุนในไตรมาส 4/66 พิจารณาคัดสรรหลักทรัพย์จากอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนระยะยาว โดยเกณฑ์ในการคัดสรรหุ้น Top Buy เลือกจากการเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรม เป็นบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดี งบดุลมีความแข็งแกร่ง มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตของกำไรสุทธิเป็นบวก และการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ราคายังต่ำ มีส่วนต่างเพิ่มที่น่าสนใจ

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายภาครัฐ และมีแนวโน้มได้รับผลตอบแทนที่ดีในส่วนของภาคการบริโภคในประเทศจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและนโยบายการกระตุ้นจากภาครัฐ หลักทรัพย์ที่ได้รับปัจจัยบวกและพื้นฐานดี ในกลุ่มพาณิชย์ แนะนำ CPALL ,CRC กลุ่มธนาคารพาณิชย์ BBL,KTB  ด้านการท่องเที่ยว มีการฟื้นตัวชัดเจน ทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า หลักทรัพย์แนะนำ AOT ,MINT กลุ่มพลังงาน ที่คาดราคาน้ำมันจะปรับขึ้น จากการพยายามลดอุปทานโดยกลุ่มโอเปกพลัส หลักทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์คือ PTTEP ,TOP,BCP และยังมีหลักทรัพย์ที่แนะนำใน กลุ่มสื่อสาร คือ ADVANC ด้านกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง  CK   กลุ่มอาหาร แนะนำ CPF,TU กลุ่มอสังหา AP,CPN,AMATA และกลุ่มการแพทย์คือ BDMS ,EKH 

โดยแอปพลิเคชัน “DBSV mTrading Thailand” สามารถลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยดีไซน์ที่ตรงใจ พร้อมด้วยข้อมูล และฟีเจอร์แบบเรียลไทม์มากมาย เข้าถึงหลักทรัพย์ทั่วโลกได้ ดูมูลค่ารวมของพอร์ตโฟลิโอของท่าน ดูราคาเรียลไทม์ของตลาดหลักทรัพย์ SGX, HKEx, NYSE, NASDAQ และ AMEX และราคาของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ อีก เช่น TSX, LSE, ASX และ TSE เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเฝ้าติดตามหุ้นในรายการโปรด และพอร์ตโฟลิโอของท่าน อีกทั้งยังสามารถเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดโลก ทั้งดัชนี หุ้นซื้อขายสูงสุด กราฟ และข่าวสารต่างๆ  โดยลูกค้าบริษัทที่เปิดบัญชีต่างประเทศ ยังมีโปรโมชันสำหรับการลงทุนต่างประเทศอีกมากมาย อาทิ  

1.FREE ค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างประเทศ เมื่อโอนเงินไปลงทุนต่างประเทศทุกสกุลเงิน (ยกเว้นสกุลเงินเยน จะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียม 1,000 บาท เมื่อมีการโอนเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไป) 

2.“เทรดเดือนนี้ ฟิน เดือนหน้า” รับทันที eVoucher 200 บาท ในเดือนหน้า เมื่อมีการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศอย่างน้อย 1 ครั้งในเดือน  

3.“DBSV เทรดชิว รับชัวร์" เอกสิทธิ์ที่เหนือกว่า เมื่อลูกค้ามีการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 ธันวาคม 2566 ครบยอดตามที่กำหนด      
•Central Gift Card มูลค่า 5,000 บาท เมื่อมียอดซื้อขายสะสมทั้งปี 10 ล้านบาทขึ้นไป  
•Priority Card มูลค่า 15,000 บาท เมื่อมียอดซื้อขายสะสมทั้งปี 20 ล้านบาทขึ้นไป 

โดยลูกค้าทั่วไปที่ยังไม่เปิดบัญชีกับดีบีเอส ท่านสามารถเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศ รับโปรโมชันทันที Central eVoucher 200 บาท เมื่อเปิดบัญชีใหม่ บัญชีหุ้นต่างประเทศคู่กับหุ้นไทย หรือลูกค้าปัจจุบันที่เปิดบัญชีต่างประเทศเพิ่ม สำหรับวันพุธที่ 4 ต.ค.66 เวลา 14.00-15.30 น. ลูกค้าและนักลงทุน สามารถฟังอบรมออนไลน์ผ่าน MS Team หัวข้อ “เทรดหุ้นนอก ง่ายแค่ปลายนิ้ว DBSV mTrading” ลงทะเบียนได้ที่ [email protected]