"อนุสรณ์"ประกาศ "แพทองธาร"เหมาะนั่งหัวหน้าเพื่อไทย" มั่นใจถือธงนำพรรคสู่สถาบันการเมือง ชี้เป็นคนรุ่นใหม่ มีศักยภาพ อดิศรผสมโรง ไม่มีใครเหมาะเท่าอุ๊งอิ๊ง จวกหมออ๋องเหมือนถูกจับสึกกลางพรรษา เป็นปาราชิกทางการเมือง ด้านสุดารัตน์จวกรัฐบาลอย่าดึงเรื่องทำประชามติสิ้นเปลืองงบประมาณ วอนจริงใจแก้รธน.
       
   เมื่อวันที่ 1 ต.ค.66 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ว่า จะเป็นการประชุมวิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่ลาออกไป จากกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่นั้น ตนเชื่อมั่นว่าหากน.ส.แพทองธารได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจริง ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก จะสามารถถือธงนำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่การเป็นสถาบันทางการเมืองเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ 

     นายอนุสรณ์ กล่าวว่า น.ส.แพทองธารเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มีความรู้ความสามารถ เข้าใจบริบทการเมืองอย่างทะลุปรุโปร่ง เป็นบุคลากรทางการเมืองที่ทุกคนเชื่อมั่น ไว้วางใจให้ขึ้นมานำพรรค นำพาพรรคเพื่อไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพิ่มแรงสนับสนุนให้ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนมีพลังในการทำงาน ทั้งงานระดับชาติและระดับพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ ในสภาฯ พรรคเพื่อไทยมีส.ส.รุ่นใหม่ไฟแรงเข้ามาเติมเต็มทำหน้าที่ในสภาฯได้อย่างสมศักดิ์ศรี การได้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคในสถานการณ์นี้ จะยิ่งสอดประสานการทำงานให้เป็นปึกแผ่นเป็นเอกภาพ ทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นที่เชื่อมั่นไว้วางใจของประชาชนมากยิ่งขึ้น

       "น.ส.แพทองธารเป็นคนที่พรรคมีความมั่นใจในการที่จะขับเคลื่อนงานด้านต่างๆ นำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่ความสำเร็จกับภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ตรงสเปกการทำงานการเมืองในยุคดิจิทัล น.ส.แพทองธารถือเป็นดาวฤกษ์ มีแสงในตัวเอง เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ในยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม นำพาพรรคเพื่อไทย พุ่งทะยานไปข้างหน้า วางเป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง" นายอนุสรณ์ กล่าว

     นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  ให้สัมภาษณ์ในเรื่องเดียวกันว่า น.ส.แพทองธารเป็นที่ยอมรับในบรรดาสมาชิกพรรค 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งจากการทำงานที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และการลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา ได้แสดงถึงศักยภาพของน.ส.แพทองธารในทุกด้าน ตนก็มีความยินดีที่น.ส.แพทองธารจะได้ก้าวขึ้นไปสู่หัวหน้าพรรค เพราะเป็นคนทั้งเข้าใจและเป็นคนของยุคสมัย เพราะคนรุ่นตนก็รู้สึกว่าแก่เกินไป ซึ่งเป็นจังหวะโอกาสที่จะได้นำประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ซึ่งจะนำพาพรรค พท.ได้อย่างแน่นอน ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ น.ส.แพทองธาร

     นายอดิศร ยังได้กล่าวถึงกรณีฝ่ายรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยจะเข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 ที่ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล (กก.) หรือไม่ หรือควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นของแต่ละบุคคล ยังไม่เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย เพียงแต่ส.ส.มีความคิดเห็นเกี่ยวกับนายปดิพัทธ์ ซึ่งตนเห็นว่าลักษณะการเคลื่อนไหวของนายปดิพัทธ์เพื่อจะกอดเก้าอี้รองประธานสภาฯไว้ โดยอ้างเหตุของรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่รองประธานสภาฯครั้งต่อไปแน่นอน เป็นแนวคิดของพรรคก้าวไกลที่อยากได้ทั้งสองตำแหน่ง สุดท้ายวิธีการคือเล่นละคร ลิเก หมอลำ เพื่อขับนายปดิพัทธ์ออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นการขับที่ไม่ตรงตามข้อบังคับของพรรค เพราะนายปดิพัทธ์ไม่มีความผิดอะไรเลย แต่เป็นการขับเพื่อที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน จึงอ้างรัฐธรรมนูญเป็นเหตุ

     "ผมห่วงการทำหน้าที่ต่อไปเท่านั้นเอง ไม่มีความอิจฉาตาร้อนอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องที่นายปดิพัทธ์ถูกขับออกนั้นไม่สุจริต ในเมื่อไม่สุจริตและส่อแววที่ทำให้คนนอกสามารถยื่นตีความต่อศาลได้ และผมมองว่านายปดิพัทธ์คงเดินไปลำบากแล้ว คล้ายๆ ว่าถูกจับสึกกลางพรรษา เป็นปาราชิกทางการเมืองไปแล้ว" นายอดิศร กล่าว

     นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ ว่า การที่นายปดิพัทธ์โดนขับออกจากพรรคก้าวไกล ก็ยังต้องหาพรรคการเมืองสังกัดอยู่ได้ภายใน 30 วัน โดยที่ไม่เสียสิทธิ์การเป็นส.ส. ซึ่งการทำเช่นนี้ก็เข้าใจได้ ถ้าต้องการรักษาตำแหน่งรองประธานสภาบวกกับสถานะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้

       "ผมอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่เล็ก ก็ต้องชมว่าการทำแท็กติกนี้ เป็นแท็กติกที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเมือง ไม่รู้ใครเป็นคนคิด แต่ก็เข้าใจคิดดีมาก ในการที่จะรักษาสถานะผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาฯ ผมไม่ขอออกความเห็นว่าดีหรือไม่ เป็นอย่างไร แต่ในทางกฎหมายแล้วไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคการเมืองที่จะดำเนินการ ส่วนเรื่องของความเหมาะสม การเมืองถ้าไม่ผิดกฎหมายก็อยู่ในวิสัยของสมาชิกแต่ละท่านที่จะดำเนินการ" นายวราวุธ กล่าว
    
 ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ว่า ไม่มีความชัดเจนมาตั้งแต่ต้นและใช้เวลานานมาก ทั้งๆ ที่เมื่อตอนเป็นฝ่ายค้านต้องการแก้ไขตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไป รวมถึงการแก้รายประเด็นเพื่อตัดอำนาจ สว. ในการเลือกนายกฯ  ซึ่งทางพรรคไทยสร้างไทยเอง ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ใจความสำคัญคือให้มีเลือกตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร. เป็นผู้มาเขียน รัฐธรรมนูญ โดยไม่แก้หมวด 1 และ 2 เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง โดยมุ่งแก้ไขในส่วนที่กระทบถึงประชาชนและขจัดการสืบทอดอำนาจ
    
   พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอร่างแก้ไขไปแล้ว ตรงนี้เราชัดเจน โดยวิธีการของเราคือไม่ต้องไปทำประชามติ ถามประชาชนก่อน เพราะไม่ใช่เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ประชาชนเสียโอกาสมาหลายปีแล้ว ครั้งนี้ถ้าร่วมมือกันก็จะแก้ไขได้เสร็จภายในปี 2567 ดร.โภคิน พลกุล ซึ่งถือว่าเป็นปรมาจารย์ด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ท่านได้ร่างเอาไว้สามารถทำได้ทันที 
   
  คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า แนะนำรัฐบาลว่าถ้าจริงใจให้ใช้วิธีนี้ ไม่ต้องเสียเงินไปทำประชามติก่อน และไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะไม่ได้แก้หมวด 1 และ 2 อยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีความจริงใจ อย่าไปซื้อเวลาด้วยการตั้งคณะกรรมการ ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่จะทำให้เสียเงิน และยิ่งสร้างความขัดแย้ง
      
 ขอเชิญชวนภาคประชาชน รัฐบาล สมาชิกรัฐสภา ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันสร้าง สสร. ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไป เพื่อปากท้อง สิทธิเสรีภาพที่ดีกว่าของประชาชน และเพื่อสถาปนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง ซึ่งตามร่างของพรรคไทยสร้างไทย จะมีการทำประชามติเพียงครั้งเดียวที่รัฐธรรมนูญบังคับ และขอยืนยันว่าแล้วเสร็จภายในปี 2567 ถ้าเริ่มทำกันวันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
    
 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กล่าวถึงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า  นายกฯ ต้องกลับไปดูข้อมูลพื้นฐานที่ไปที่มาของการริเริ่มสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลักดันพัฒนามาตั้งแต่ต้น ในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย นายกฯ ขณะนั้น ได้เริ่มต้นให้สนามบินสุวรรณภูมิเกิดขึ้น เพราะได้อนุมัติงบประมาณ 120,000 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการสร้างสนามบินหนองงูเห่า และต่อมาก็ได้ขอพระราชทานชื่อเป็น สนามบินสุวรรณภูมิ นายชวนมองการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเมืองไทยมากขึ้นจึงจำเป็นต้องขยาย และต้องสร้างสนามบินไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะสนามบินดอนเมืองไม่สามารถขยายได้แล้ว จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการพิจารณาการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่
      
 "นายเศรษฐา ต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์เหล่านี้ อย่าพูดเพียงเพื่อตีกิน หรือเอาใจ คุณทักษิณ ชินวัตร สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่มีการตรวจสอบการทุจริตในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมากมาย เป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ ที่มีความไม่โปร่งใสในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน เรื่องนี้เชื่อว่านายเศรษฐาก็ทราบดีว่าเกิดขึ้นสมัยรัฐบาลใด ไม่อยากให้นายกฯต้องมาฝืนใจ กินน้ำเห็นปลิง" นายราเมศ กล่าว