เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ก.ย.66 ที่ศูนย์ฝึกกีฬาคนพิการแห่งชาติ จ.สุพรรณบุรี น.ส. จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินทางไปพบปะพูดคุยและรับฟังในโครงการ “เสริมสร้างแรงใจ กีฬาคนพิการทีมชาติไทย คว้าเหรียญทอง เอเชียนพาราเกมส์” โดยมีนายอัครวิทย์ จิ๋วนารายณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยภาค 2 จ.สุพรรณบุรี นายไมตรี คงเรือง เลขาธิการสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย และนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย อาทิ วีลแชรฟันดาบ ยกน้ำหนัก วีลแชรบาส แบดมินตัน ปิงปอง ร่วมงานกว่า 200 คน โดย น.ส จิตภัสร์ กล่าวกับนักกีฬาคนพิการ ตอนหนึ่งว่า ตอนนี้คนไทยร่วมแรง ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ นักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งหลังจากนี้ ก็ถึงคิวของนักกีฬาคนพิการที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ต่อหลังจากเอเชี่ยนเกมส์จบลง แต่เกิดคำถามในสังคมวงกว้างมาหลายปีว่า ทำไมเงินรางวัลอัดฉีดให้นักกีฬาถึงไม่เท่าเทียมกัน ที่ผ่านมาตนเคยเรียกร้องเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงขอเป็นกระบอกเสียงอีกครั้งแทนนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย บิดาผู้ล่วงลับ และนักกีฬาผู้พิการทุกคนที่ได้เหรียญในเกมส์การแข่งขัน ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติเช่นเดียวกัน
“ตั๊นจึงขอเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขอให้เร่งผลักดันเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ให้กับนักกีฬาคนพิการให้เท่าเทียมกับนักกีฬาปกติ ดังที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของรัฐบาลไว้ต่อรัฐสภา ในการให้ความสำคัญของความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม การผลักดันให้มีกฎหมายสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียม อีกทั้งยังจะสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาด้านกีฬาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้จากข้อมูลกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในส่วนของนักกีฬาที่ทำผลงานในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์นั้น จะได้เงินรางวัลอัดฉีดคือ เหรียญทองละ 2 ล้านบาท เหรียญเงิน 1 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 5 แสนบาท แต่สำหรับการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ของคนพิการนั้น กลับได้เงินรางวัลอัดฉีดที่ต่ำกว่าคือ เหรียญทองได้เพียง 1 ล้านบาท เหรียญเงิน 5 แสนบาท เหรียญทองแดง 2.5 แสนตามลำดับ จึงขอให้นายกฯและรัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อนักกีฬาคนพิการและลดความเหลื่อมล้ำให้ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติอย่างเท่าเทียมกันด้วย” น.ส. จิตภัสร์ กล่าว