"คลัง" ล้มแผนเก็บภาษีขายหุ้น หนุน SET โตแกร่ง แข่งขันระดับสากล "พรชัย" ย้ำฐานะทางการเงินแกร่ง คาดปี 67 เก็บได้ตามเป้า
นายเผ่าภูมิ เลขานุการ รมว.คลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายในการพิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมจากการขายหุ้น (Financial Transaction Tax) และยังไม่มีนโยบายที่จะพิจารณาภาษีกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น (Capital Gain Tax) เพื่อชี้แจงกรณีที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ถึงประมาณการรายได้ปี 67 ที่เพิ่ม 30,000 ล้านมาจากการที่รัฐบาลจะเก็บภาษีขายหุ้น 14,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 ส่วนนี้จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความสบายใจ มีเสถียรภาพ และสามารถวางแผนการลงทุนในระยะยาวได้
โโยหนึ่งในมาตรการที่มีผลโดยตรงต่อตลาดหุ้นไทย คือนโยบายด้านภาษี อยากเห็นตลาดทุนไทยเป็นอิฐก้อนแรกของระบบเศรษฐกิจไทยในการสร้างภาคเอกชน สร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนให้สามารถเติบโตไปได้ กระทรวงการคลังอยากเห็นตลาดหุ้นไทยที่มีสภาพคล่องสูง มีเสถียรภาพ ไม่ต้องการตลาดหุ้นที่ซบเซา คลังต้องการตลาดหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพ และต้องการเห็นตลาดหุ้นไทยมีความน่าดึงดูดทั้งต่อนักลงทุนที่จะมาลงทุนและต่อบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียน ดังนั้นตลาดหุ้นไทยที่น่าดึงดูดจะต้องมีความสามารถในการแข่งขัน มีกฎระเบียบที่ผ่านปรนเอื้อต่อการลงทุน และต้องดึงดูดบริษัทต่างๆในระดับโลกด้วย คลังต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทยแข่งขันได้และมีความเป็นสากล
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า อาจมีคำถามว่า การที่ไม่เก็บภาษีจากการทำธุรรมขายหุ้น จะทำให้รายได้ภาครัฐหายไปหรือไม่ หรือต้องมีการขาดดุลงบประมาณเพื่อมาชดเชยหรือไม่ นั้น ในแผนการคลังระยะปานกลางยังไม่ได้มีการพิจารณา รวมถึงผลกระทบที่มีนัยยะสำคัญจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล และหากมีนโยบายนี้มีกำหนดอยู่ในแผนแล้ว ก็หมายความว่าจะมีเงินเข้าสู่ในระบบเศรษฐกิจ 5.6 แสนล้านบาท จะก่อให้เกิดเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลกลับคืนมา ในรูปแบบภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีนิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวออกตามสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อสงสัยตัวเลขสำคัญบางประการของวงเงินปีงบประมาณ 2567 ในแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567 - 2570) ฉบับทบทวน (MTFF 2567 - 2570) นั้น กระทรวงการคลังขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.ยืนยันตัวเลขประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ งบประมาณรายจ่าย และขาดดุลการคลังของปีงบประมาณ 2567 ภายใต้ MTFF 2567 - 2570 ฉบับทบทวน เท่ากับ 2,787,000 ล้านบาท 3,480,000 ล้านบาท และ 693,000 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566
2.สำนักงบประมาณนำตัวเลขงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ตาม MTFF 2567 - 2570 ฉบับทบทวน มาดำเนินการตามขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 และกระทรวงการคลังได้วางแผนการบริหารจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพื่อให้การจัดเก็บรายได้เป็นไปตามที่ประมาณการไว้โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้เป็นหลัก
ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานจัดเก็บรายได้ในสังกัดกระทรวงการคลังได้มีการพัฒนาระบบต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บรายได้อย่างต่อเนื่อง มีการใช้เทคโนโลยีในการติดตามและตรวจสอบการจัดเก็บภาษีเพื่อขยายฐานภาษี ทำให้การวางแผนการจัดเก็บเป้ารายได้ของปีงบประมาณ 2567 จะสามารถเป็นไปตามประมาณการที่ตั้งไว้ อีกทั้งมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2567 ก็จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มากขึ้นด้วย โดยยังไม่มีการนำนโยบายภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องในทางปฏิบัติ