วันที่ 29 ก.ย.2566 เวลา 09.15 น.ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ ว่า ตามหลักการควรเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ที่สมาชิกไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคได้ เพื่อให้ไปหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด และยังคงสามารถทำหน้าที่ สส.ได้ต่อ แต่ในการขับครั้งนี้ กลับเป็นการสมคบ ตกลงรู้เห็นร่วมกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน เพื่อหลบเลี่ยงหาทางออกไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทั้งที่การขับออกจากพรรค ควรออกตามธรรมชาติความเป็นจริง ดังนั้นจึงต้องรอดูว่า จะมีผู้ที่ยังติดใจยื่นตรวจสอบให้มีการวินิจฉัยในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่ง สส. 1 ใน 10 ของสภาผู้แทนราษฎร ก็สามารถหยิบยกให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งได้ว่า การแสดงออกของพรรคก้าวไกล หรือการขับออกจากการเป็นสมาชิกชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือคนอื่น ๆ ก็สามารถยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยได้
       
เมื่อถามว่า มองว่าการที่นายปดิพัทธ์ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายปดิพัทธ์ และจุดยืนของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเสรี  กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะถือเป็นทางออก เพื่อรักษา 2 ตำแหน่ง ทั้งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่วิธีการนั้น เป็นวิธีที่ไม่ได้ขัดแย้งกัน เป็นการตกลงกันเพื่อแยกกันทำหน้าที่ ส่วนจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อการกระทำครั้งนี้ ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีลักษณะที่ สส.ขัดแย้งกันในพรรคเกิดขึ้น จนมีการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แต่ก็ควรรักษาบรรทัดฐานที่การถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น จะต้องเป็นเรื่องความขัดแย้งของสมาชิก
        
ส่วนการกระทำของพรรคก้าวไกล ถือเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่นั้น นายเสรี กล่าวว่า  ไม่อยากจะให้ความชัดเจน เพียงแต่ นิติกรรมอำพราง เป็นเรื่องกฎหมายแพ่ง ที่มีการปกปิดบางสิ่งบางอย่างไว้