วันที่ 28 ก.ย.2566 เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ รับข้อร้องเรียนจากเครือข่ายผู้ปลูกทุเรียน ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน จากอ.แกลง อ.เขาชะเมา อ.วังจันทร์ จังหวัดระยอง นำโดยนพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ อดีต สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อผลักดันให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาการส่งเสริมพัฒนา แก้ปัญหาทุเรียนให้ครบวงจร อย่างยั่งยืนและเป็นระบบ พร้อมกับยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับทุเรียน
โดยนพ.บัญญัติ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ทุเรียนได้กลายเป็นพืชผลการเกษตรที่ทำรายได้ส่งออกเป็นอันดับ 3 ซึ่งปี 2565 ทำมูลค่าสูงกว่า 120,000 ล้านบาท เกษตรกรจึงได้ขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนถึง 1 ล้าน 3 แสนไร่ ทั้งในภาคตะวันออก ภาคใต้ และอีก 43 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมากนี้ยังได้สร้างความกังวลให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนอีกด้วย เพราะหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีจะทำให้ปริมาณทุเรียนล้นตลาด และส่งผลต่อราคาทุเรียนในอนาคต นอกจากนี้เมื่อคุณภาพทุเรียนไม่ได้มาตรฐาน มีการตัดทุเรียนอ่อน จะทำให้ผู้บริโภค หรือปลายทางการส่งออก ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน อาจส่งผลต่อการสั่งซื้อทุเรียน ไปจนถึงกระทบต่อยอดการส่งออกด้วย พร้อมกับเป็นห่วงเรื่องการวิจัยพัฒนาด้านสายพันธุ์ด้วย เนื่องจากมีประเทศคู่แข่ง อย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย ต่างกำลังเร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ด้วยภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ยังทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีจุดแข็งอยู่ แต่ถ้าไม่มีการวิจัยพัฒนา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะทำให้แก้ไขได้ยาก
"อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ผลักดันปัญหาทุเรียนให้เป็นวาระแห่งชาติ และให้มีการจัดตั้งกองทุนทุเรียนไทย เช่นเดียวกับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง โดยเก็บจากการขายผลผลิตออกสู่ต่างประเทศ ในลักษณะเป็นเงินสงเคราะห์ หรือ เงิน CESS ของยางพารา ซึ่งจะได้นำเงินส่วนนี้มาสงเคราะห์ชาวเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ อันส่งผลกระทบต่อสวนทุเรียน และนำไปสนับสนุนสถาบันวิจัยทุเรียนด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดเงินงบประมาณประเทศได้"นพ.บัญญัติ กล่าว
ด้านนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีความยินดีที่จะช่วยส่งเสริม สนับสนุนทุเรียนไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรค และสอดคล้องกับสิ่งที่ตนทำมาตลอด 4 ปี สมัยที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่ทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้สำคัญทำรายได้ให้ประเทศมหาศาล ปีที่แล้วประเทศไทย สามารถทำรายได้จากการส่งออกทุเรียนได้ถึง 125,000 ล้านบาท และปีนี้ ตั้งแต่ ม.ค. - ส.ค. 2566 สามารถทำรายได้สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี โดยมีมูลค่าสูงถึง 138,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดคือประเทศจีน จึงถือว่าทุเรียนเป็นพืชที่มีอนาคตไกล
"ผมจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสส. ของพรรคในสัปดาห์หน้า และจะส่งให้กมธ.การพาณิชย์ให้ พิจารณาดำเนินการ เพื่อสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ทุเรียนยั่งยืนให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะเข้ามากำกับดูแลทุเรียนอย่างครบวงจร ตั้งแต่เรื่องการปลูก การรวบรวมผลผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการตลาด และการทำวิจัยพัฒนา เพื่อให้ทุเรียนสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจของเกษตรกรและประเทศ"นายจุรินทร์ กล่าว