ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2566 ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่ 2 ประจำปี 2566 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม. ดินแดง ในการพิจารณาญัตติขอความเห็นชอบกันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไว้เบิกเหลื่อมปีในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (กรณียังไม่ก่อหนี้ผูกพัน) ของหน่วยรับงบประมาณและการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ในที่ประชุมได้มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ได้สอบถามถึงความคุ้มค่าโครงการเช่ารถไฟฟ้าเก็บขนมูลฝอย กับการซื้อรถไฟฟ้าของกรุงเทพมหานคร ซึ่ง

นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตยานนาวา ได้ตั้งกระทู้ถามสด เรื่องแนวทางแก้ไขปัญหา กรณีเกิดความล่าช้าในการเช่าเหมารถเก็บขนมูลฝอยของสำนักสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า ล่าสุดเลขาธิการสหประชาชาติออกมาประกาศว่าขณะนี้ภาวะโลกร้อนหมดแล้วตอนนี้กำลังเป็นภาวะโลกเดือด มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ทำให้เกิด PM 2.5 ถึงเวลาที่ภาครัฐและเอกชนรวมถึง กทม.ต้องตื่นตัว และถึงเวลาที่ต้องรณรงค์สนับสนุนการเปลี่ยนรถน้ำมันเป็น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องมองทั้ง 2 มุม การจะนำรถขยะไฟฟ้าหรือรถขยะน้ำมันมาใช้ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ทั้งนี้นายพุทธิพัชร์ได้อภิปรายถึงความคุ้มค่าอ้างอิงผลการศึกษาทดลองโดยสถาบันวิจัยและบริการวิชาการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ร่วมกับมหาวิทยาลัยนวมินทราชูทิศ ทดสอบวิ่งในเขตดุสิต ข้อมูลพบว่ารับน้ำหนักได้ 5-6 ตัน มีที่เก็บน้ำด้านล่างและการบีบอัดซึ่งยังไม่มั่นใจในความแข็งแรงของการการบีบอัด แต่อย่างน้อยสิ่งที่มั่นใจได้คือ เป็นการทดสอบโดยยึดหลัก ISO 14067 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล รวมทั้งมีการคำนวณคาร์บอนฟุตปริ้นท์และคาร์บอนเครดิตที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติมด้วย 

สก.พุทธิพัชร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง วิธีการงบประมาณ ข้อ 29 ระบุว่า รายจ่ายที่กำหนดไว้รายการใดในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยงบประมาณ จะโอนหรือเปลี่ยนรายการทั้งหมดหรือบางส่วนต้องผ่าน สภากรุงเทพมหานคร เป็นคำถามที่ตนกังวลถ้าไม่ผิดข้อบัญญัติหรือรายจ่ายงบประมาณก็ยินดีสนับสนุน และข้อ 33 ระบุว่าหน่วยงานที่ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่า 1 ปีขึ้นไปก็ต้องขอความเห็นชอบจากสภาฯเช่นกัน และถ้าทำเกินอำนาจหน้าที่ผู้ว่าฯก็ต้องรับผิดด้วย ตามข้อ 43 ตนอยากถามว่า กทม.มีแผนรองรับกรณีการจัดหารถขยะล่าช้าอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนเพราะต้องส่งมอบปีหน้า และหากเป็นรถขยะไฟฟ้ามีแผนรองรับอย่างไร ทั้งเรื่องจุดชาร์จ การล้มเหลวในการคัดแยกขยะ และหาก TOR ล่าช้ามีการส่งมอบล่าช้าจะทำอย่างไร

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดการขยะเป็นปัญหาใหญ่ของเมือง ปัจจุบันค่ากำจัดขยะอยู่ที่ 1 ตัน 1,900 บาท ขยะวันละ 10,000 ตันใช้เงินปีละ 7,000 ล้านบาท การดูแลให้เกิดประสิทธิภาพ โปร่งใส ผลประโยชน์ดีที่สุดต่อประชาชน สิ่งแวดล้อมและช่วยลดภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารให้ความสำคัญ

ด้านนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งบประมาณการเช่ารถขยะในปีงบประมาณ 66 มี 5 โครงการ ซึ่งยืนยันว่าเป็นโครงการใหม่ไม่ได้โอนเงินที่ทำอยู่มาใช้ แต่เนื่องจากมีงบฯต่อเนื่องมากกว่า 1 ปีงบประมาณจึงต้องขอความเห็นชอบจากสภากทม. สำนักสิ่งแวดล้อมมีแผนว่าจะสามารถส่งรถเช่าได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งรถขยะมีทั้งหมด 2,020 คันจะทยอยหมดตามสัญญา รถที่ส่งมอบก็จะมาทดแทนรถเดิมที่หมดสัญญา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำ TOR การจะเป็นรถไฟฟ้าหรือรถน้ำมันอยู่ในขั้นตอนที่ต้องดำเนินการต่อไป คุณสมบัติของรถน้ำมันหรือรถไฟฟ้าเป็นสเปกเดียวกัน ต่างกันตรงที่พลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน ความสามารถในการบีบอัดต้องเท่ากัน และต้องกำหนดชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือน้ำมันต้องทนต่อการบีบอัดได้ตามกฏเกณฑ์ใน TOR ที่กำหนด ส่วนสถานีชาร์จนั้น กทม.ได้ติดต่อกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนร่วมกับ กทม. โดยที่ กทม.ไม่ต้องใช้งบ ยืนยันว่าการเช่ารถขยะในครั้งนี้เป็นไปตามข้อบัญญัติงบประมาณ เพราะงบปี 66 เรื่องการเช่ารถไม่ได้ระบุว่าจะจัดซื้อหรือเช่ารถประเภทใด แต่ระบุว่าเป็นการจัดหารถเพื่อนำมาจัดเก็บขยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บขนขยะของ กทม. ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้าหรือสันดาปก็ได้ ส่วนการคัดแยกขยะไม่เกี่ยวกัน เพราะกระบวนการคัดแยก กทม.ทำมาต่อเนื่องและจะทำต่อไป ในอนาคตจะมีการส่งเสริมการแยกขยะเพื่อให้ประชาชนช่วยคัดแยกและนำส่ง กทม.ไปกำจัดลดน้อยลง ส่วนเรื่องการทดสอบรถขยะไฟฟ้ามีการดำเนินการแล้วที่เขตประเวศและเขตดุสิต และจะมีการทดสอบต่อที่เขตลาดกระบัง สำหรับปัญหาการส่งมอบล่าช้านั้นหากมีการเซ็นสัญญาแล้วผู้รับจ้างไม่สามารถส่งรถตามกำหนดต้องเสียค่าปรับ และผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบนำรถขยะประเภทอื่นมาให้ กทม.ใช้ก่อน อย่างไรก็ตามสำนักสิ่งแวดล้อมได้มีการวางแผนไว้แล้วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขยะตกค้างอีกต่อไป

ทั้งนี้สภากรุงเทพมหานคร ได้มีมติเช่นชอบให้ กทม.กันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไว้เบิกเหลื่อมปีในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (กรณียังไม่ก่อหนี้ผูกพัน) ของหน่วยรับงบประมาณและการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ จากผู้ที่มาประชุมทั้งสิ้น 40 คน