วันที่ 28 ก.ย.66 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ระบุว่า...

รบเถิด..อรชุน..

-ผมติดตามความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ติดตามรายละเอียดมากนัก ที่ไม่ได้ติดตามรายละเอียดเพราะรู้ว่า สักวันหนึ่ง สตช. ต้องเดินทาถึงจุดนี้ เพียงแต่จะเป็นวันไหนเท่านั้นเอง เพราะผมเคยกล่าวว่า ประเทศเราเป็น"รัฐตำรวจไปแล้ว"

-สถานการณ์ในสตช.วันนี้ เหมือนการรบใน ในมหาภารตยุทธ์ "ภควัคคีตา" คัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ของฮินดู ซึ่งเป็นการสู้กันของฝ่าย"ปาณฑพ" และ ฝ่าย"เการพ"ในสมรภูมิทุ่งกุรุเกษตร

-เมื่อถึงคราวที่ "อรชุน "เกิดใจอ่อน ไม่อยากทำสงครามกับพี่-น้อง และอาจารย์ที่เคยสอนวิชาให้ตนเอง พระกฤษณะ ซึ่งเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์ จึงกล่าวเทศนาให้กำลังใจแก่อรชุน ว่า..."รบเถิด..อรชุน..."

-อรชุน จึงตัดสินใจเข้าทำสงครามกับญาติพี่น้องและอาจารย์ของตัวเอง จนได้รับชัยชนะ

-สงครามในสตช.ครั้งนี้ ก็เป็นการทำสงครามกันเองในวงการตำรวจ ผมไม่อาจทราบว่า ใครเป็น อรชุน และไม่อาจกล่าวได้ว่าตำรวจคนไหนอยู่ในกลุ่มฝ่ายปาณฑพ และไม่อาจกล่าวได้ว่า ตำรวจคนไหนอยู่ในกลุ่ม ฝ่ายเการพ (ในมหาภารตะ ภควัคคีตา)

-มองไกลๆ อาจกล่าวได้ว่า ฝ่าย"บิ๊กโจ๊ก" น่าจะอ่าน"ภควัคคีตา" จึงประกาศชักธงรบเต็มที่ แต่แทนที่พระกฤษณะจะกล่าวว่า "รบเถิด อรชุน" ผู้พูดกลับกลายเป็น ทนายอนันตชัย ไปเสียฉิบ ฝ่ายนี้หากจะพ่ายแพ้ในสงครามก็เพราะกำลังรบฝ่ายนี้ "พูดมาก" และพูดเกินความจริง มีหนึ่งพูดไปถึงสิบ จะเข้าทำนอง"เดินเบี้ยผิดตัวเดียวแพ้ทั้งกระดาน"

-ฝ่ายตรงข้าม"บิ๊กโจ๊ก" เงียบ พร้อมรบทุกเวลา รอเวลาออกอาวุธหนักเท่านั้น ฝ่ายนี้ก็น่าจะอ่านการรบใน"เจ้าผู้ปกครอง" ของ มาเคียเวลลี่ ว่าสุดท้ายแล้วจะจัดการกับศัตรูอย่างไร

-ประชาชนอย่างเรา "อย่าเอามัน" มองการต่อสู้ครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ ว่า เรา และ ประเทศชาติได้อะไรจากสงครามในสตช. อย่าว่าผมเลย ผมว่า ประชาชนเองก็เอามันส์เป็นเกมส์ ยังไม่ได้สาระอะไรในสงครามครั้งนี้ ประชาชนยังเลือกข้าง ทำนอง "สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย"

#ขอเวลาไปอ่านสามก๊กอีกรอบดีกว่า