"นายกฯ" ดูงานโอท็อปให้กำลังใจผู้ประกอบการ บอก "สู้ๆ ทุกอย่างจะกลับมาดีเอง" ขณะที่ตัวแทนภาคใต้ขอบคุณรัฐบาลลดค่าน้ำ-ไฟ "ปดิพัทธ์" รับอยากอยู่ต่อ ! สานงาน "รองปธ.สภา" รอหัวหน้ากก.ส่งสัญญาณ บอกไม่กดดันปมถูกขับพ้นพรรค ด้าน"จุรินทร์" แนะรบ.แก้รธน.ใช้ฉบับไหนเป็นตัวตั้งดูให้รอบคอบ ชี้ตั้งส.ส.ร.ส่อยื้อนานถึง 4 ปี
ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เยี่ยมชมงาน OTOP Midyear 2023 โดยมี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมี นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีน ร่วมเยี่ยมชมงานด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้รับกระเช้าจากตัวแทนภาคใต้ ซึ่งได้ขอบคุณรัฐบาล นายกฯ ที่ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือในการลดค่าน้ำค่าไฟ และการช่วยเหลือเกษตรกรต่างๆ โดยนายกฯ ได้กล่าวให้กำลังใจผู้ประกอบการ โดยบอกว่า ให้สู้ๆ และทุกอย่างจะกลับมาดีเอง
จากนั้น นายกฯ ได้แวะร้านโอท็อปเพชรบูรณ์ โดยใช้พูกันเขียนชื่อ เศรษฐา ทวีสิน บนภาพคนแคระที่วาดด้วยน้ำเทียน บนผ้าใยกันชง ซึ่งภาพคนแคระดังกล่าวเป็นประติมากรรมบนอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่ง นายกฯ กล่าวว่า วาดยาก
ทั้งนี้ ระหว่างนายกฯ เยี่ยมชมร้านค้าต่างๆ ภายในงาน นายเกรียงได้พานายกฯเข้าไปชมร้านโอท้อปผ้าไทยจ.อุบลราชธานี มีการมอบผ้าขาวม้าให้นายกฯ โดยผูกให้ที่เอว บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนที่ทราบว่านายกฯ จะมาเยี่ยมชมได้เข้ามาขอถ่ายภาพเซลฟี่จำนวนมาก
ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความชัดเจนในตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลยังไม่ได้นัดหมายกับตนเพื่อพูดคุยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เราแค่รับทราบว่ามีการประชุมเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการตัดสินใจทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตน และต้องฟังทางพรรคก่อน เพราะตนยังเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลอยู่ เมื่อกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีมติอย่างไรก็ต้องมีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า ทางพรรคมีมติที่จะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ จะกระทบกับนายปดิพัทธ์และต้องตัดสินใจอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า แน่นอน เพราะเราไม่ได้ตัดสินใจทุกอย่างตามอำเภอใจ ทุกอย่างตัดสินใจตามมติพรรค และข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นต้องหารือกันว่าทิศทางใดดีที่สุดกับประเทศ ไม่ใช่ดีที่สุดแค่ตนเอง ฃ
ผมบอกว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่เป็นการตัดสินใจด้วยการสะท้อนเสียงประชาชนให้ได้มากที่สุด และมีผลประโยชน์ให้กับประเทศให้ได้มากที่สุด" นายปดิพัทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะเก็บไว้ทั้ง 2 ตำแหน่ง โดยจะขับนายปดิพัทธ์ไปอยู่อีกพรรค นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขอฟังจากปากหัวหน้าพรรคคนใหม่ก่อน เพราะตอนนี้เรารับข้อมูลจากคนอื่น อย่างไรก็ตามการตัดสินใจทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีการตัดสินใจด้วยความกดดัน หรือเป็นการตัดสินใจที่ไร้ทางเลือก แต่เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานว่าเราจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ซึ่งคงจะมีการพูดคุยกันในเร็วๆ นี้
เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวอยากสืบทอดงานของรองประธานสภาฯคนที่ 1 ต่อหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คิดว่างานหลายอย่างเสร็จไปแล้ว แต่อีกหลายอย่างต้องใช้เวลา โดยเฉพาะต้องทำหลังจากการส่งมอบอาคารรัฐสภาเสร็จ ตนคิดว่าต้องมีงานระยะยาวที่ตนฝันไว้ว่าอยากเห็น เพื่อสามารถขับเคลื่อนให้รัฐสภาโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นของประชาชนได้ แต่ถามว่างานระยะสั้นบรรลุผลไปแล้วหรือไม่ ก็พอมี
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวการได้ทำตำแหน่งนี้ เราได้เห็นพัฒนาการ ได้เห็นงานที่เราสามารถทำได้ และดีกับประเทศด้วย ซึ่งการที่ตนบอกว่าจะทำรัฐสภาให้โปร่งใสคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่ตน แต่เป็นประเทศได้ประโยชน์ ถามว่าอยากอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่ อยาก แต่จะทำได้หรือไม่ได้อยู่ที่ข้อจำกัดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ายังมีเวลาตัดสินใจจนถึงสมัยประชุมสภาฯครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไทม์ไลน์ทั้งหมดอยู่ที่พรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามตนต้องคุยเรื่องนี้กับพรรคจริงๆ เพราะหากตนไม่ยอมตัดสินใจ ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็ไม่สามารถแต่งตั้งได้ ซึ่งเราต้องวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้รอบคอบ ซึ่งต้องวิเคราะห์และตัดสินใจร่วมกัน เมื่อถามว่า มองความกดดันจากวิปรัฐบาลไว้อย่างไรว่าต้องเลือกตำแหน่งเดียว นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีแรงกดดันมา
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน ถ้าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 แต่การที่จะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาเป็นต้นร่าง หรือต้นแบบนั้นต้องดูให้รอบคอบ อย่าไปดูจากที่มาอย่างเดียว แม้จะที่มาจะมีความสำคัญ แต่เนื้อหาก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อรัฐธรรมนูญบังคับใช้แล้ว จะถูกบังคับใช้ตามเนื้อหา ไม่ได้บังคับใช้ตามที่มา และต้องไปดูว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนที่เคยบังคับใช้มาแล้วมีช่องโหว่น้อยที่สุด ถ้าสามารถนำมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ก็ควรจะนำฉบับนั้นมาเป็นต้นร่าง หรืออาจใช้หลายๆ ฉบับ มาพิจารณาข้อดี-ข้อเสีย โดยเลือกเฉพาะข้อดีมารวมกัน ให้สอดคล้องกัน ก็สามารถทำได้
เมื่อถามว่า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ที่เสนอให้แก้มาตรา 256 เพื่อลดงบฯในการทำประชามติ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็อยู่ที่รัฐบาล แต่ที่กำลังพูดถึงนี้หมายถึงนโยบายรัฐบาล ที่รัฐบาลไปหาเสียงไว้และประกาศว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนในการแถลงต่อสภาว่าจะเร่งแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนจะแก้อย่างไรนั้น ดูเหมือนประธานคณะกรรมการศึกษาฯ จะตั้ง สสร. หากตั้ง สสร. ก็แปลว่าจะต้องมีขั้นตอนกระบวนการที่ยาวพอสมควร แล้วก็ตั้งธงว่าภายใน 4 ปี ซึ่งอันนี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ารัฐบาลตั้งธงจะทำถึง 4 ปี เพราะเห็นแถลงเป็นนโยบายเร่งด่วน
"หากจะตั้ง สสร. ก็ทำได้ อยู่ที่นโยบายของรัฐบาล เพราะจะต้องมีการเสนอทำประชามติ และเสนอต้นร่างเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามขั้นตอนกระบวนการ แต่ถ้าสมมติว่ามีการทำใหม่ทั้งฉบับ ตั้ง สสร. รัฐบาลก็ต้องเตรียมเงินไว้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านไว้ด้วย ไม่ใช่ว่าตนจะค้านหรือไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลก็ต้องรู้ถึงภาระที่จะตามมา ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องเตรียมไว้ด้วย เพราะการทำประชามติครั้งหนึ่งเท่าที่ กกต. ประเมิน ก็ประมาณ 3,000 กว่าล้าน" นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด รอจูนกันอีกนิด จูนเสร็จเมื่อไหร่ก็จะเลือก แต่จะไม่ให้เรื่องของการเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่กระทบต่อการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน หรือกระทบต่อการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน
ผมยืนยัน อย่างน้อยที่สุดในขณะที่รักษาการหัวหน้าพรรค ผมจะไม่ให้เกิดสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นผมยืนยันว่าจะไม่ให้กระทบ อันนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องภายในไป แต่การทำหน้าที่แทนประชาชนในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้ามา ผมยืนยันว่าจะไม่ให้กระทบ นายจุรินทร์ กล่าว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ว่า ยังไม่ได้หารือกันภายในพรรคภูมิใจไทยว่าแนวทางการแก้ไขควรจะเป็นการแก้ทางฉบับหรือรายมาตรา แต่เมื่อวันที่ 26ก.ย. แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลประสานให้พรรคภูมิใจไทย จัดตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อหารือในเรื่องนี้ โดยพรรคภูมิใจไทย มอบให้ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย เป็นตัวแทนพรรค ซึ่งถือเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด มีความคุ้นเคย เชี่ยวชาญ และทุกอย่างจะเป็นไปในเชิงบวกทั้งหมด ถึงเบื้องต้นขอตัวแทนพรรคละ 1 คน แต่ในพรรคก็มีหลายคนที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายในพรรคเช่น นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ก็เป็นนักกฎหมาย
เมื่อถามว่า กรณีนายคารมจะมาช่วยเสริมงานรัฐบาลอย่างไร หลังโฆษกรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการให้ข้อมูล นายอนุทิน กล่าวว่า เพิ่งเริ่มต้นการทำงาน ทุกอย่างจะต้องให้เวลาแม้แต่ตนเองก็ยังต้องศึกษางานในกระทรวงมหาดไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่ามัวแต่ศึกษา แล้วงานไม่เดิน เมื่อถามว่า รองโฆษกรัฐบาลจะเด่นกว่าโฆษกรัฐบาลหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ เพราะคนเราอยู่ด้วยความเข้าใจกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว