ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 4 เป็นผบ.ตร.คนที่ 14 ให้ที่ประชุม ก.ตร.เห็นชอบ ปรากฏว่า ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 9 ต่อ 2 ให้ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” รอง ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่งแทนที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

วันนี้ “สยามรัฐออนไลน์” ขอเปิดผลงานและประวัติ “บิ๊กต่อ” สู่ตำแหน่ง “ผบ.ตร.” คนที่ 14

สำหรับ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล มีชื่อเล่นว่า "ต่อ" หรือ "บิ๊กต่อ" เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2507 เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี เป็นน้องคนเล็กในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน และเป็นน้องชายของ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง

ก่อนเข้ารับราชการตำรวจในปี 2540 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เคยเป็น “พนักงานบริษัท” บริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ และก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาเรื่อยๆ จนได้รับเงินเดือนสูงถึง 8 หมื่นบาท แต่ทำงานอยู่ได้ 7 ปีก็ตัดสินใจลาออก เพื่อเดินหน้าทำตามความฝันในวัยเด็กคือการเป็น “ตำรวจ” และเข้าหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ “วัน อยู่บำรุง”

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เริ่มต้นทำงานในเส้นทางตำรวจในตำแหน่ง “รองสารวัตร” กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 จากนั้นโยกย้ายมาเป็นรองสารวัตรที่กองปราบปราม แล้วขึ้นไปเป็น “สารวัตร” ที่ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนจะโยกกลับมาเป็นสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบฯ และได้ขึ้นเป็นรองผู้กำกับ ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ และรองผู้บังคับการปราบปรามตามลำดับ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้ขยับขึ้นนั่งเก้าอี้ “ผู้กำกับการ” เป็นครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ครบหลักเกณฑ์ว่าด้วยการครองตำแหน่งตาม ก.ตร. เพราะนับตั้งแต่นั้นมา ทุกตำแหน่งที่เขาขยับขึ้น ล้วนได้รับการเว้นหลักเกณฑ์จาก ก.ตร. ทั้งสิ้น โดยการเว้นหลักเกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ใช้เวลาเพียง 4 ปี กับ 3 เดือนเศษ ในการเลื่อนตำแหน่งจากผู้กำกับการ ยศ พ.ต.อ. มาเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” ยศ พล.ต.ท.

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบในส่วนของการเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ศปลป.ตร.), ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม (ศปป.ตร.), ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ (ศปทส.ตร.), ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.ตร.), ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.)

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้รับฉายา “มือปราบสายธรรมะ” และ “โรโบคอปสายบุญ” เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงาน และเดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ

นอกจากนี้ “บิ๊กต่อ” ยังมีผลงานที่สำคัญ เช่นการจัดฝึกอบรม "แอคทีฟ ชูตเตอร์" ให้ความรู้ตำรวจทั้งสายงานปราบปราม-หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เกี่ยวกับการเข้าระงับเหตุ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรับมือเหตุเฉพาะหน้า โดยเฉพาะเหตุกราดยิง ควบคู่กับการต่อยอดความรู้ไปยังสถานศึกษา และหน่วยงานอื่น กลายเป็นหลักสูตรที่รู้จักแพร่หลาย

นอกจากนี้ยังเป็นผู้จุดประกายนำปืน "ช็อตไฟฟ้า" ลดความสูญเสียของผู้ปฏิบัติ กระทั่งการได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขเรื่องอาวุธปืนหลวง ปัดฝุ่นระเบียบปืนสวัสดิการ นำ QR Code มาใช้ตรวจสอบและติดตามแก้ปัญหาลักลอบนำปืนหลวงออกไปขาย เป็นต้น