จากกรณีศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือศปอส.ตร.(PCT)ชุด 4นำโดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ผิวพรรณผบช.กมค.สนธิกำลังตำรวจบช.สอท.และบช.ก.เปิดปฏิบัติการตรวจค้นกว่า30จุดใน 6จังหวัดทั่วประเทศเพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ตามหมายจับศาลอาญาผู้ต้องหาแบ่งเป็นตำรวจ 8นายและบุคคลธรรมดา 15คนตรวจสอบเบื้องต้นตำรวจที่ถูกออกหมายจับและถูกจับกุมทั้งหมดเป็นลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หักพาล รองผบ.ตร.และบ้าน 4หลังที่นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยวิภาวดีรังสิต 60หลังสโมสรตำรวจเป็นบ้านพักของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์
ล่าสุดวันที่ 27ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายอนันต์ชัยไชยเดชทนายความและประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้เป็นทนายความให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หักพาล รองผบ.ตร. เพื่อสู้คดีหลังถูกออกหมายค้นเมื่อวันที่ 25กันยายนที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ศปอส.ตร.(PCT)มีข้อมูลว่าเชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์
โดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนประชุมพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอีก 8 ตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ว่า วันนี้จะมีการพูดคุยและสอบถามเรื่องรายละเอียดทั้งหมดกับตำรวจทั้ง 8 นาย สิ่งสำคัญคือตำรวจทั้ง 8 นายจะต้องพูดความจริงให้ตนได้ทราบทุกอย่างโดยละเอียด เพื่อที่จะนำไปเป็นข้อมูลในการใช้ต่อสู้คดี
ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการก่อนคือ เรื่องการที่บุคคลรายหนึ่งเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และของตำรวจทั้ง 8 นายมาให้สื่อ มีการนำข้อมูลออกมาแฉ ตนอยากถามว่าสมควรแล้วหรือไม่ โดยฝากเตือนบุคคลดังกล่าวที่ออกมาให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวกับสื่อว่าคนนั้นคนนี้ผิด ต้องระวัง เพราะตนจะตามเช็คบิลทั้งหมด เพราะตอนนี้โจ๊กไม่ใช่โจ๊กหวานเจี๊ยบแล้ว แต่เป็นโจ๊กอัคนีเผาให้เรียบ รวมถึงยังมีบุคคลที่นำรูปของเอศุภชัยมาโชว์ให้สื่อมวลชนดู ตนมองว่าเอศุภชัยเกี่ยวอะไรด้วย แค่ถ่ายรูปคู่กับมินนี่ ทำไมต้องไปสอบปากคำเขา จะทำอะไรควรจะมีเหตุผลไม่ใช่แค่เอามันเอาสนุก ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามถามกลับไปว่า เป็นนายอัจฉริยะหรือไม่นั้น ทนายอนันต์ชัย บอกว่าไม่ขอเอ่ยชื่อว่าเป็นใคร
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนเป็นคนทำคดีก็ไม่ต้องกลัว ถ้าคุณผิด ก็ติดคุกแต่ถ้าคุณไม่ผิด พวกมันก็ติดคุก และขอให้ทุกคนเปิดหน้าท้าชน ตนเองไม่เคยหนักใจที่ต้องรับทำคดีนี้ แต่คนที่หนักใจจะต้องเป็น สอท. และเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการดิสเครดิต พร้อมยืนยัน จากประสบการณ์การเป็นทนายความกว่า 30 ปีและยังเคยเป็นทนายความให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. มั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และตำรวจทั้ง 8 นายได้ เพราะตนไม่เคยทิ้งคดี
เมื่อถามว่าตำรวจทั้ง 8 นายถูก ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งให้โยกย้ายขาดจากตำแหน่งเดิมจะทำให้การต่อสู่คดีมีผลอะไรหรือไม่ ทนายอนันต์ชัย บอกว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องปกติทราผู้บัตับบัญชาสามารถทำได้ เป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา แต่จะไม่กระทบต่อคดี
พร้อมตั้งคำถามกับสื่อมวลชนในเชิงสมมติฐาน ว่า การที่พันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย ได้รับเงินจาก มินนี่ แล้วพันตำรวจเอกภาคภูมิ นำเงินดังกล่าวไปใช้ซื้อของต่างๆ จ่ายเงินให้พ่อค้าแม่ค้า ตนเองขอถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าภาคภูมิมีความผิด และพ่อค้าแม่ค้ามีความผิด และรู้ได้อย่างไรว่าเงินที่มินนี่ให้มานั้นผิดกฎหมาย ดังนั้นคดีอาญามันต้องดูที่เจตนาในการทำความผิด จะไปเหมารวมแบบนั้นไม่ได้
ทนายอนันต์ชัย ยังพูดถึงกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ ให้เงินกับนักข่าว ตนเองมองว่าเป็นสินน้ำใจไม่ใช่เป็นสินบน และหากนักข่าวคนใดถูกดำเนินคดีให้มาบอกตน ตนจะจัดการให้