“ที่นี่ แค่ปลูกข้าวยังไม่ได้เลย เวลาฝนตกน้ำก็ท่วม พอถึงช่วงหน้าแล้ง น้ำก็ไม่มีทำเกษตรเลย พอปลูกพืชไม่ได้ ก็ไม่มีรายได้ ลำบากมาก ๆ” เสียงจากนางศมิษฐา เสือนาค หนึ่งในเกษตรกร จังหวัดเพชรบุรี ที่พบปัญหาด้านดินที่ไม่อุดมสมบูรณ์
สืบเนื่องจากพื้นที่เกษตรกรรมในประเทศไทยมีความหลากหลาย ทั้งทางด้านกายภาพและชีวภาพ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เกิดปัญหาดินเสื่อมโทรม เกิดการพังทลายของหน้าดิน พื้นที่ขาดน้ำ ด้านสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานภายใต้กรมพัฒนาที่ดิน ได้ดำเนินงานตามนโยบายของกรมพัฒนาที่ดินในการบริหารจัดการดิน และการอนุรักษ์ดินและน้ำ ในเขตพื้นที่ 6 จังหวัด โดยมีจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านโครงการ Zoning by Agri-Map
นายกฤศกร แก้วร่วมวงศ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สถานีพัฒนาที่ดินเพชรบุรี กล่าวว่า จังหวัดเพชรบุรีถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายของภูมิประเทศ ทำให้พื้นที่การทำเกษตรกรรมนั้นเกิดปัญหา ไม่สามารถปลูกข้าวได้จึงได้มีการแนะนำเกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการ Zoning by Agri-Map โดยให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากแปลงนาเป็นการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยการจัดรูปแบบแปลงนาแบบที่ 3 ซึ่งเป็นการยกร่องสวนป้องกันน้ำท่วม และปลูกไม้ผลบนคันดิน อีกทั้งยังมีการส่งเสริมให้เกษตรกรลดต้นทุนด้วยการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ จากนวัตกรรมจุลินทรีย์ สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 และสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 ของกรมพัฒนาที่ดินเพื่อฟื้นฟูบำรุงดิน ทำให้ปัจจุบันเกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตรับประทานและจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี
ที่ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ทางสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ได้เข้ามาแนะนำส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมด้วย Zoning by Agri-Map เนื่องจากพื้นที่มีความลาดเทสูง สภาพดินส่วนใหญ่เป็นดินตื้นและเป็นดินทราย ทำให้เกิดปัญหาการชะล้างพังทรายของดินสูง ส่งผลให้ดินเกิดความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
นายอานนท์ ถ้ำแก้ว เกษตรกร บ้านหนองเต่าดำ ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า พื้นที่เดิมของตนปลูกพืชไร่ เช่น อ้อย สับปะรด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจในจังหวัดราชบุรี แม้ว่าจะมีตลาดจำหน่ายที่ชัดเจน แต่ต้นทุนในการผลิตพืชสูงมาก แต่พื้นที่ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและดินเกิดการชะล้างพังทลายสูง
นายสะอาด บุตรเล็ก ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี กล่าวว่า “สถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ได้ดำเนินงานโครงการ Zoning by Agri-Map มาตั้งแต่ปี 2564 ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ไร่ โดยมุ่งเน้นการจัดการดินและน้ำอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น กิจกรรมจัดระบบลดการไหลเวียนของน้ำ การสร้างบ่อดักตะกอน เป็นฝายน้ำล้น รวมไปถึงการสร้างบ่อน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (บ่อจิ๋ว) ผสมผสานควบคู่กับการฟื้นฟูดินด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดใช้สารเคมี
“หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี พื้นที่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนมาปลูกฝรั่งกิมจู และพืชผัก สร้างรายได้ให้ชุมชนได้เป็นอย่างดี” นางละออง ถ้ำแก้ว เกษตรกร ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี กล่าว
ทางด้านจังหวัดกาญจนบุรี มีการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ปรับรูปแปลงนารูปแบบที่ 2 โดยการจัดทำบ่อดักตะกอน การใช้หญ้าแฝกเพื่อลดการพังทลายของดิน
นางพัชรมัย ทะหล้า นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สถานีพัฒนาที่ดินกาญจนบุรี กล่าวว่า เดิมพื้นที่ของเกษตรกรในจังหวัดกาญจนบุรีส่วนใหญ่จะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรมีการใช้สารเคมีในการทำเกษตรสูงเป็นเวลานาน ส่งผลให้ดินเสื่อมสภาพ ประกอบกับพื้นที่บางอำเภอมีความลาดชันสูง ทำให้ไม่สามารถเก็บกักน้ำเอาไว้ได้ ทางด้านสถานีพัฒนาที่ดินกาญจนบุรีจึงได้ร่วมกับหมอดินอาสา ส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพืชที่ปลูก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมกับดินในพื้นที่ให้มากที่สุด
“จากที่สถานีพัฒนาที่ดินกาญจนบุรี ได้เข้ามาส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการปลูกพืช ทำให้ปัจจุบันพื้นที่กลายเป็นพื้นที่ที่ดินอุดมสมบูรณ์ ด้วยการเลือกปลูกไม้ผล ไผ่ ผักสวนครัว ทำให้มีบริโภค แจกจ่าย และจำหน่ายสร้างรายได้ทุกวัน ผมอยากขอบคุณสถานีพัฒนาที่ดินกาญจนบุรี ที่ช่วยเหลือ แนะนำ สนับสนุน และเป็นพี่เลี้ยงในทุกๆด้าน ทุกวันนี้อยู่กันแบบพี่น้อง และหากมีใครที่สนใจในการทำเกษตรแบบผสมผสานก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้ หรืออยากพัฒนาดินในพื้นที่ของตนเองให้ดี มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ก็สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาที่ดินได้ทั่วประเทศ” นายพัฒน์พงษ์ มงคลกาญจนคุณ เกษตรกร อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี กล่าว






