"เศรษฐา"เผยถ้าพร้อมจะแถลง "เงินดิจิทัลฯ" ยังไม่เสร็จ -ศาลสั่งจำคุก4ปี -ทนายอานนท์ -ผิดมาตรา112
"เศรษฐา" ขอรอชี้แจงรายละเอียดนโยบาย"ดิจิทัลวอลเลต" หลัง"ก้าวไกล-จตุพร"ค้านทุบกระปุกออมสินเด็ก บอกปชช.ไม่ต้องห่วง "ภูมิธรรม" แย้มสัปดาห์หน้า ได้คณะกรรมการทำประชามติ บอกมีคนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตอบรับมา 20 กว่าคนแล้ว ยันต้องใช้ สสร. "อนุชา"พอใจแบ่งงานกระทรวงเกษตรฯ เชื่ออนาคตคงได้คุยกัน ยันไม่มีขัดข้องหมองใจกับ "ธรรมนัส" ขณะที่ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 4 ปี "ทนายอานนท์" ปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ไม่รอลงอาญา คดี ผิด ม.112 กรณีชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 63 หมิ่นสถาบันฯ อยู่ระหว่างประกันตัวชั้นอุทธรณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 ก.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ยังไม่เสร็จ ยังไม่เรียบร้อย เมื่อถามว่ายังไม่ทราบแหล่งที่มาของเงินใช่หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถามต่อว่ามีกระแสข่าวว่าเรื่องที่มาของแหล่งเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะมาจากการกู้เงินจากธนาคารออมสิน นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ถ้าพร้อมแล้วจะแถลง เมื่อถามอีกว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกรอบใช่หรือไม่
นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกฎหมาย เป็นไปตามที่เคยพูดไว้ว่าไม่มีปัญหา เมื่อถามต่อว่าประชาชนรอคำตอบในเรื่องนี้อยู่นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เรื่องที่มาที่ไปของ และเรื่องหลักการก็พยายามทำให้ดีอยู่ เช่น อำเภอไหนอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ก็พยายามพิจารณาอยู่ อย่างที่ตนเรียนต่อไปนี้จะแถลงอะไรจะต้องมีข้อมูลให้ครบทุกอย่างจะเป็นการดีกว่า หากแถลงไปอีกอย่างหนึ่งแล้วเกิดการติดขัด มันไม่ดี และรอให้มีคณะกรรมการชุดใหญ่ ให้เขาแถลงดีกว่าให้เป็นรูปธรรม และสามารถตอบได้ทุกคำถามที่ถามมาเมื่อถามย้ำว่าจะสามารถได้ข้อสรุปเมื่อใด นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เร็วๆนี้
เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน ออกมาโจมตีไม่เห็นด้วยว่ารัฐบาลจะทุบกระปุกออมสินกู้เงินออมของเด็ก 5.6 แสนล้านบาท ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวจะชี้แจงให้ทราบดีกว่า และส่วนรายละเอียดจะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลงข่าว ด้าน นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใน ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการรวบรวมคณะกรรมการชุดดังกล่าว ว่า ขณะนี้มีการตอบรับมาแล้ว 20 กว่าคน ส่วนบุคคลที่จะสร้างความเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับของสังคม อาทิ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ตอบรับแล้ว ทั้งนี้คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถนำเสนอรายชื่อเสนอนายกฯพิจารณาได้ ซึ่งต้องดูว่านายกฯ จะสามารถเซ็นอนุมัติได้เลยหรือไม่
เนื่องจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ให้หลักการไว้แล้ว แต่หากไม่สามารถทำได้ ก็นำกลับเข้ามาที่ประชุมครม. อีกครั้งได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนจะเป็นประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยมีนายชูศักดิ์เป็นรองประธานคนที่1 ส่วนเลขานุการ จะเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และมีรองเลขากฤษฎีกาเข้าร่วมด้วย ส่วนโฆษกฯ จะพูดคุยกันอีกครั้ง หลังคณะกรรมการเริ่มประชุมครั้งแรก ทั้งนี้ตนย้ำในหลักการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกจะต้องจบภายใน 4 ปี เพื่อให้การเลือกตั้งสามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายใหม่ ส่วนการทำประชามติให้เร็วที่สุด จะให้ครม.มีมติ ทำประชามติ เพราะครม.ต้องการดำเนินการให้เร็วที่สุด เมื่อถามถึง ข้อเสนอของนายวิษณุ เครืองามอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ที่อาจจะขอให้ลดขั้นตอนการทำประชามติเป็นไปได้หรือไม่ โดยไม่ต้องมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสสร. นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลักการที่พูดไว้แต่เดิมคือต้องมี สสร. แต่จะดำเนินการอย่างไร เพื่อลดขั้นตอนก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กรณีพรรคก้าวไกลจะเสนอ กฎหมายนิรโทษกรรม รัฐบาลมีแนวทางอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียดขอดูรายละเอียดก่อน จึงจะสามารถให้ความเห็นได้
ทางด้าน นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการแบ่งงานในกระทรวงเกษตรฯที่มีความไม่พอใจกันว่า ขณะนี้โอเคแล้ว ตนยังคงกำกับดูแล 4 หน่วยงานเหมือนเดิม ส่วนที่มีข่าวไม่พอใจการแบ่งงานก่อนหน้านี้นั้น นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มีอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า งานที่ได้รับจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายของพรรคไปได้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เมื่อเราทำงาน ได้รับความไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรีใน 35 คน ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนสามารถปฏิบัติงานได้ หน้าเป็นภารกิจและหน้าที่ที่จะต้องทำให้บรรลุเป้าหมายจนสำเร็จเพื่อประเทศชาติและประชาชน เมื่อถามว่า เรื่องนี้ได้มีการเคลียร์กับทางร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ แล้วใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่ได้คุยกันเป็นกิจจะลักษณะ ไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นที่จะต้องเป็นเรื่องที่ขัดข้องหมองใจกัน เมื่อถามว่าการที่รัฐมนตรีช่วยดูแล 4 กระทรวงแต่รัฐมนตรีว่าการดู 11 กระทรวง คิดว่าจะมากเกินไปหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เป็นธรรมดาเมื่อดูกรมกรองเยอะ งานก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา คงจะไปบอกว่างานน้อยไม่ได้
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีช่วยควรจะแบ่งเบามาบ้างหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ตนคิดว่าในอนาคตการทำงานก็คงจะตอบโจทย์หลายๆอย่างและคงมีการพูดคุยกัน คิดว่าคงไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเกินเลย เมื่อถามว่า 4 หน่วยงานที่กำกับดูแลพอใจแล้วใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า พอใจ เราต้องทำหน้าที่ เมื่อเราได้รับมอบหมายมาดูแลแต่ละหน่วยงานก็ต้องทำงานในหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าตอนนี้การทำงานของรัฐมนตรีทั้ง 3 คนยังโอเคอยุ่ใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า โอเค ไม่มีอะไร ยังดีอยู่ ไม่มีอะไร ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังศาลอาญาพิพากษาคดี นายอานนท์ นำภา ว่า ผิดตาม ม.112 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนอีก 7 ข้อหาให้ยกฟ้อง โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ไม่รอลงอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ จากกรณี นายอานนท์ เป็นแกนนำชุมนุมม็อบ เมื่อ 14 ต.ค. 2563 โดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ. 2495/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา อายุ 39 ปี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ กรณีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยบางช่วงบางตอนของการปราศรัย จำเลยได้กล่าวแสดงความอาฆาตมาดร้ายดูหมิ่นสถาบันฯ
โดยก่อนหน้านี้ นายอานนท์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อฯ ว่า ทั้งขบวนคนรุ่นใหม่ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนประเทศไป จนไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว ในแง่ของความคิดคน ตนมองว่าตอนนี้คนทั้งประเทศเชื่อในสิทธิเสรีภาพ เห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นอารยะ เห็นได้จากทุกรูปแบบทั้งในสื่อโซเชียล บนท้องถนน ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้ว คนรุ่นใหม่ก็โตมาโดยเชื่อในสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียม ตนคิดว่าการชุมนุมในปี 63 ทำให้สังคมเปลี่ยนไปเยอะมาก เป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่า เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงนักเคลื่อนไหวในตอนนี้ นายอานนท์ กล่าวว่า อยากให้กำลังใจ วันนี้เรายังไม่ทราบคำพิพากษา ถ้าออกมาในทางร้ายก็คงติดคุก ซึ่งเราก็ต้องสู้ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากตนต้องถูกขังภายหลังก็ต้องเบิกตัวตนออกมาศาล เพื่อทำหน้าที่ทนายความและจำเลย เพราะตนเป็นทนายความให้กับคดีการเมือง กรณีชุมนุมที่ ห้าแยกลาดพร้าว ปี 63 จะทำหน้าที่จากในคุกและนอกคุก ฝากให้กำลังใจ ขอบคุณคนที่สนับสนุน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด นายอานนท์ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังใจยังดี คำพิพากษาวันนี้เป็นเรื่องเมื่อ 14 ต.ค. ซึ่งตนไปปราศรัยปรามไม่ให้ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุม การที่วันนี้อาจจะสูญเสียเสรีภาพตามคำพิพากษา อาจจะหลายปี แต่ก็คุ้มที่เหตุการณ์ดังกล่าวที่เราเดินจากราชดำเนินไปล้อมทำเนียบไม่เกิดการสูญเสีย เป็นการเสียเสรีภาพโดยส่วนตัวต่อส่วนรวมที่คุ้มค่าอย่างมากด้วยความเต็มใจ