สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญจากโครงการเมียนมาของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ หรือยูเอสไอพี เปิดเผยถึงการขยายเครือข่ายของแก๊งอาชญากรจากจีนไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการตั้งฐานในฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ เพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยมิชอบ รวมถึงมีการโยกย้ายฐานไปในประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ย้ายจากจีนมาตั้งที่ฟิลิปปินส์ เมื่อถูกปราบปรามก็ย้ายฐานมากัมพูชา และเมียนมา ติดกับพรมแดนไทย เป็นต้น
โดยผู้เชี่ยวชาญจากยูเอสไอพี ได้หยิบยกกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลีย บุกทะลายแก๊งอาชญากรรมในนครซิดนีย์ จนสามารถจับกุมอาชญารชาวจีนได้ 9 คน เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งแก๊งนี้ได้เปิดระบบธนาคารเงา (Shadow Banking System) ให้แก่กลุ่มอาชญากร
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้างต้น สอดคล้องกับรายงานของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ประชาชนจำนวนมากถูกแก๊งอาชญากรจากจีนล่อลวง และบังคับให้ทำงานด้านออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกิดขึ้นไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พร้อมกันนี้ ผู้เชี่ยวชาญของยูเอสไอพี ยังเปิดเผยด้วยว่า แก๊งอาชญากรจากจีนในเมียนมา ได้ขยายตัวจนถึงสามารถควบคุมดินแดนในเมียนมาได้ ด้วยการเป็นหุ้นส่วนกับหน่วยลาดตระเวนชายแดนของกองทัพรัฐบาลเมียนมา ตลอดจนกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในเมียนมา
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของยูเอสไอพี เผยอีกว่า แก๊งอาชญากรจากจีน ยังมีเป้าหมายไปยังศูนย์กลางทางการเงินโลกอย่างกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสิงคโปร์ อีกด้วย ทั้งนี้ บรรดาแก๊งอาชญากรจากจีนเหล่านี้ยังมีการพัฒนาจากเรื่องการพนันออนไลน์ ไปสู่การหลอกลวงทางออนไลน์อีกด้วย นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19