หลังจากที่ทางการจีนเปิดเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้ว และยุตินโยบาย Zero Covid ปัญหาเก่าๆ ก็เริ่มกลับมา ทางการจีนกำลังต่อสู้กับปัญหาการฉ้อโกงจากประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเป้าไปที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ 

อีกทั้งการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและการค้ามนุษย์แพร่หลายมากขึ้นในเมียนมาร์และพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ขณะนี้ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อชาวจีน 

ดังนั้งสิ่งที่เรียกว่า "การหลอกลวง" จึงหมายความรวมถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายหลายรูปแบบ รวมถึงการค้ามนุษย์และการหลอกลวงทางออนไลน์ ศูนย์กลางของกิจกรรมเหล่านี้ตั้งอยู่ในกัมพูชาและพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำซึ่งทับซ้อนกับเมียนมาร์ ไทย และลาว 

โดยเฉพาะสีหนุวิลล์ เป็นที่รู้จักมายาวนานว่าเป็นศูนย์กลางของชาวจีนที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการพนัน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่สามารถเยี่ยมชมจุดหมายปลายทางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ต้องการแห่งนี้ได้ 

เจอร์เกน สต็อก เลขาธิการองค์การตำรววสากล กล่าวว่า เดือนมิถุนายน ตำรวจสากลออกคำเตือนเกี่ยวกับศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่ดำเนินงานจากกัมพูชา โดยมีเครือข่ายขยายไปยังลาวและเมียนมาร์ ตำรวจสากลตั้งข้อสังเกตว่าในขั้นต้น เหยื่อของการค้ามนุษย์ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคที่พูดภาษาจีน เช่น จีน มาเลเซีย ไทย หรือสิงคโปร์ 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหยื่อถูกดึงดูดมาจากที่ห่างไกลอย่างยุโรปและอเมริกาใต้ โดยแม้แต่ชาวอินเดียก็ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงหางานในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "สิ่งที่เริ่มต้นจากการคุกคามทางอาชญากรรมในระดับภูมิภาคได้กลายมาเป็นวิกฤตการค้ามนุษย์ระดับโลก"

อินเตอร์โพลไม่ใช่องค์กรเดียวที่ส่งสัญญาณเตือน ในเดือนสิงหาคม องค์การสหประชาชาติรายงานว่า ผู้คนมากกว่า 1,00,000 คนถูกค้ามนุษย์เข้าไปในกัมพูชา และ 1,20,000 คนถูกลักลอบเข้าไปในเมียนมาร์ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงานความมั่นคงสาธารณะของจีนได้ดำเนินการปราบปรามครั้งใหญ่ต่อศูนย์หลอกลวงเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับความช่วยเหลือโดยปริยายจากรัฐบาลในกัมพูชาและเมียนมาร์

ทั้งนี้กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ กล่าวว่า เพิ่มความเข้มข้นในการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและการออนไลน์ ในเมียนมาร์ตอนเหนือและสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประกอบด้วยบางส่วนของประเทศไทย ลาว และเมียนมาร์ ถือเป็นสองแหล่งซ่อนตัวสำคัญของผู้ฉ้อโกง 

 "ตั้งแต่ต้นปีนี้ กระทรวงได้ส่งทีมงานไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว เพื่อความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและการค้ามนุษย์"

ขณะที่บทความในไชนาเดลี ได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของศาลประชาชนสูงสุดของจีนว่าความมั่นคงระหว่างประเทศของจีน ในการปฏิบัติการร่วมเมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจจีนร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นในเมียนมาร์ ปิดบ่อนประมาณ 11 แห่งที่ดำเนินแผนการฉ้อโกง การจับกุมดังกล่าวส่งผลให้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 269 ราย รวมทั้งชาวจีน 189 ราย ในอีกการดำเนินการหนึ่ง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนได้ดำเนินการปราบปรามครั้งใหญ่ต่อการหลอกลวงทางโทรคมนาคมในภาคเหนือของเมียนมาร์ ส่งผลให้มีการโอนผู้ต้องสงสัย 1,207 รายจากเมียนมาร์ไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของจีนในยูนนาน ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถูกจับกุมในคดีฉ้อโกงโทรคมนาคมที่ส่งผลกระทบต่อชาวจีน แม้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างจีนและเมียนมาร์ทำให้หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะของจีนดำเนินกิจกรรมด้านตำรวจในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ ที่น่าสนใจคือยังมีภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์จีนเรื่องใหม่เรื่อง No More Bets ที่ออกฉายในปี 2566 ซึ่งให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับอันตรายของการถูกล่อให้เข้ามาทำงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการติดกับดักในเครือข่ายของผู้ฉ้อโกง ส่วนหนึ่งของเครือข่ายการค้ามนุษย์ที่บังคับให้ชาวจีนทำงานเพื่อหลอกลวงทางออนไลน์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยทำรายได้มากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนแรกและดึงดูดความสนใจไปที่ประเด็นการค้ามนุษย์ ในขณะที่แนวโน้มทางเศรษฐกิจในประเทศตกต่ำลง ชาวจีนก็มองหาโอกาสมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อการลงทุนและการจ้างงาน 

อย่างไรก็ตาม พวกเขามักจะพบว่าตัวเองเข้าไปพัวพันกับเว็บหลอกลวงในภูมิภาคที่ไม่มั่นคงทางการเมือง ซึ่งเพื่อนร่วมชาติของพวกเขาล่อลวงพวกเขาให้ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

อิทธิพลที่กำลังเติบโต Global Security Initiative ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเป็นเครื่องมือทางนโยบายที่มุ่งขยายอิทธิพลของจีนในขอบเขตความมั่นคงของมนุษย์และความมั่นคงของชาติที่อยู่นอกขอบเขตที่ใกล้ชิด การปราบปรามในกัมพูชาและเมียนมาร์ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างว่าจีนสามารถใช้ประโยชน์จากสถาบันความมั่นคงของตนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เฉพาะได้อย่างไร โดยเน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของจีนในภูมิภาค

 ด้วยความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศ สีจิ้นผิงจึงกระตือรือร้นที่จะสร้างความแข็งแกร่งในการจัดการกับกิจกรรมการฉ้อโกงขนาดใหญ่ที่เป็นอันตรายต่อชาวจีน ดังนั้นการปราบปรามครั้งนี้จึงเป็นการแสดงอำนาจในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้