ผู้เชี่ยวชาญ จุฬาฯ ย้ำ อย่าตระหนก การใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารปลอดภัย และยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าการนำน้ำหรืออาหารที่ใส่ภาชนะพลาสติกและให้ความร้อนด้วยไมโครเวฟอย่างถูกวิธีจะทำให้เกิดภาวะมีไมโครพลาสติกในกระแสเลือด

วันที่ 22 ก.ย.66 รศ.ดร.สุรเชษฐ์ หลิมกำเนิด ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหาร เป็นการทำให้อาหารสุกและร้อนด้วยคลื่นไมโครเวฟ มีความปลอดภัยไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย เพียงผู้ใช้คำนึงถึงการใช้อย่างถูกวิธี ใช้อุ่นอาหารอย่างเหมาะสม และตรวจสอบคุณภาพของเครื่องสม่ำเสมอให้อยู่ในสภาพดี ช่วยประหยัดเวลาและสะดวกสบาย ที่สำคัญคุณค่าทางอาหารยังสูญเสียน้อยกว่าวิธีอื่น เนื่องจากใช้เวลาในการให้ความร้อนน้อยกว่า

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเนแบรสกาในสหรัฐอเมริกา เรื่องการใช้เตาไมโครเวฟอุ่นพลาสติกและพบไมโครพลาสติกสลายออกมาในอาหาร ขอย้ำกับผู้บริโภคว่าอย่าเพิ่งตระหนกและกังวล เพราะยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการนำน้ำหรืออาหารใส่ภาชนะพลาสติกไปให้ความร้อนด้วยเตาไมโครเวฟอย่างถูกวิธี โดยใช้ความร้อนและเวลาที่เหมาะสม จะทำให้เกิดภาวะมีไมโครพลาสติกในกระแสเลือดหลังจากรับประทานอาหารนั้น

ในงานวิจัยดังกล่าว นักวิจัยนำภาชนะที่ทำจากพลาสติกแบบพอลิโพรพิลีน (Poly-propylene: PP) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) บรรจุน้ำ DI (Deionized water) และน้ำ DI ที่มีความเป็นกรดเล็กน้อย นำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟแบบ 1000 วัตต์ เป็นเวลา 3 นาที จากนั้นนักวิจัยได้ทำการวัดปริมาณ ไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติก (Micro/nano plastics) ในน้ำ โดยเทียบกับน้ำที่เก็บอยู่ในภาชนะเดียวกันที่ปล่อยให้อยู่ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าทั้ง 2 การทดลองมีปริมาณพลาสติกขนาดเล็กอยู่เท่า ๆ กัน ดังนั้นไมโครพลาสติกจึงสามารถพบได้อยู่ทั่วไปไม่ใช่แค่เพียงการนำพลาสติกเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ นอกจากนี้นักวิจัยยังมีการนำเซลล์ไตตัวอ่อน (Human embryonic kidney cells) ไปแช่ในน้ำที่มีไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกเป็นเวลา 48 และ 72 ชั่วโมง และพบว่ามีการตายของเซลล์ประมาณ 78% อย่างไรก็ดี ในการทดลองนี้มีไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกอยู่มากกว่าที่พบในการทดลองอุ่นน้ำอยู่ 5,000 ถึง 10,000 เท่า

ทั้งนี้ การทดลองไม่ได้เปรียบเทียบพลาสติกที่ปล่อยออกมาจากการอุ่นน้ำด้วยไมโครเวฟในภาชนะพลาสติก และการนำน้ำเดือดมาบรรจุในภาชนะพลาสติกเป็นเวลานานที่เท่ากัน จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่า พลาสติกที่พบนั้น เกิดจากผลของไมโครเวฟหรือเป็นผลของความร้อนของน้ำในภาชนะบรรจุ อีกทั้งการทดลองนี้ใช้ไมโครเวฟอุ่นน้ำในปริมาณที่น้อย และเวลาที่ใช้ในการต้มน้ำในไมโครเวฟไม่ได้สัดส่วนกับปริมาณน้ำ จึงทำให้น้ำร้อนมากเกินกว่าการอุ่นให้ร้อนตามการใช้งานปกติมาก ซึ่งแน่นอนว่าการให้ความร้อนที่มากเกินไปไม่ว่าจะโดยวิธีใด มีโอกาสที่จะทำให้พลาสติกเสียสภาพได้ ที่สำคัญงานวิจัยดังกล่าว ไม่ได้นำน้ำที่ต้มในภาชนะพลาสติกนั้นไปให้เด็กหรืออาสาสมัครดื่ม และไม่ได้มีการตรวจวัดไมโครพลาสติกในเลือดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม อาหารแช่แข็งหรืออาหารแช่เย็นพร้อมรับประทานที่นำมาใช้อุ่นกับไมโครเวฟ สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวัง คือ บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำเข้าเตาไมโครเวฟ ต้องทนความร้อน ในกลุ่มพอลิโพรพิลีน (Poly-propylene: PP) พอลิเอทิลีน (Poly-ethylene: PE) ซึ่งสามารถใช้กับเตาไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย และควรใช้พลาสติกชนิดที่ระบุว่าใช้กับเตาไมโครเวฟได้ เพราะเป็นพลาสติกคุณภาพดีและทนความร้อนเท่านั้น ที่สำคัญไม่ควรนำภาชนะใช้แล้วกลับมาอุ่นอาหารซ้ำอีก