วันที่ 22 ก.ย.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธินจตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พา น.ส.แอน (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี หญิงสาวโดนมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ หลอกสูญเงินไปกว่า 1.4 ล้านบาท พยายามกินยาฆ่าตัวตาย แต่มีคนมาช่วยพาไปโรงพยาบาลทัน เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินคดี

จ่าคิงส์ กล่าวว่า วันนี้พา น.ส.แอน ผู้เสียหาย มาร้องกองปราบฯเนื่องจาก มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกว่า เป็นศูนย์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตำรวจไซเบอร์ มาหลอก ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ อ้างเป็นนายตำรวจไซเบอร์ ยศ พันตำรวจโท และทนายผู้หญิง รวมมือกันโทรมาหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ให้กว่า 1 ล้านบาท ซ้ำยังมีการข่มขู่ คุกคาม ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัว จึงทำให้ผู้เสียหายเครียด จนเกิดอารมณ์เครียด คิดสั้น ถึงขั้นกินยาพยามยามฆ่าตัวตาย แต่มีคนมาเห็นจึงรีบนำส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล ให้การช่วยเหลือทัน จึงอยากจะบอกกับทุกคนว่าอย่าไปหลงเชื่อใครง่ายๆ ตรวจสอบให้ดี ก่อนโอนเงิน หรือถ้าไม่มั่นใจให้โทรมาปรึกษาตนได้ตลอด

น.ส.แอน ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้าตนได้สมัครทำงานออนไลน์ประเภทพับถุงกระดาษ แพ็คของส่งโรงแรม ต้องการหารายได้เสริม แต่กลับโดนหลอกให้โอนเงินไปเว็บพนันออนไลน์ ผ่านบัญชีม้า 3-4 ทอด เป็นเงินในบัญชีธนาคารกว่า 4 แสนบาท  พยายามเอาคืนกลับต้องเสียเพิ่มมากขึ้นไปอีก ด้วยการหลอกเอาเงินสลากออมสินอีก 3 แสนบาท ทองคำเอาไปขายได้เงินมา รวมทั้งสิ้น 1.1 ล้านบาท ที่ถูกหลอกเอาไป

จึงไปแจ้งความ สน.พหลโยธิน ก่อนให้ตนแจ้งความออนไลน์ จากนั้นมีคนติดต่อมาอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.)ยศพันโท และมีทนายสาวอีกคน แจ้งมาว่า สามารถพบได้ที่ บช.สอท. อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 5 อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้อ้างกับตนว่า เขาเป็นตำรวจไซเบอร์ จะมาช่วยจับคนร้าย ตนก็เลยหลงเชื่อ เพราะมีหนังสือราชการส่งมามีตราครุฑ ทำให้ตนมั่นใจเชื่อว่าเป็นตำรวจจริงๆ ก่อนจะหลอกให้ตนบอกบัญชีธนาคารที่ผูกกับบัตรเครดิต ก่อนจะทราบภายหลังเมื่อต้องการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ธนาคารแจ้งว่าบัตรเครดิตตนถูกใช้เงินวงเงินแล้ว โดยพบว่ามีคนอื่นเบิกเงินสดไปครั้งละ พัน-หมื่นบาท รวมกว่า 3 แสนบาท จึงรู้ตัวว่าน่าจะถูกแกงค์คอลเซนเตอร์หลอกลวงเอาข้อมูลบัตรเครดิตไปเบิกถอนเงินสด

นอกจากนั้น คนร้ายแก๊งคลอเซ็นเตอร์ตำรวจไซเบอร์ และทนายหญิง จะโทรมาข่มขู่กดดัน ว่าจะทำร้ายลูกตนถ้าเอาเรื่องไปเปิดเผย จนเกิดความเครียดคิดจะฆ่าตัวตายเพราะกลัว ที่ไม่สามารถหาเงินมาให้เขาได้อีก ขู่ว่า จะเอาลูกชายตนไปตัดมือตัดแขน ส่งออกนอกประเทศเป็นขอทาน และทุกวันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังโทรมาขู่เรื่อยๆ ทำให้หวาดกลัว แม้จะอายัดบัญชีไปแล้วแต่ก็ยังมีความเคลื่อนไหวทางแอพโทรศัพท์มีการเปลี่ยนรหัสแอพธนาคารในโทรศัพท์ วันนี้จึงมาร้องกองปราบฯ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดี เอาเงินกลับคืนมาให้ ถ้าไม่ได้ก็อยากจะให้จับคนร้ายให้ได้เร็วไม่ได้ก่อเหตุกับคนอื่นอีก

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.รับแจ้งความและสอบปากคำผู้เสียหาย ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่ผู้เสียหายรวมรวมมา และแนะนำให้กลับไปติดต่อธนคารขอสเตทเม้นท์ ทั้งหมดที่คนร้ายเบิกถอนเอาไป เพื่อสืบสวนติดตามหาตัวแกงค์คนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป