"รมช.ไชยา" ปลุกข้าราชการกรมปศุสัตว์ลุยปราบสินค้าเถื่อนทุกชนิด ชูเป้าหมายกรมปศุสัตว์ร่วมผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ

วันที่ 22 ก.ย.66 ที่สำนักงานเทคโนโลยีชีวภัณฑ์ กรมปศุสัตว์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมามอบนโยบายให้กับ ข้าราชการกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะทำงาน ร่วมติดตาม โดยมี นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์  นายโสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีฯ  นายศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา นายประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดี พร้อมผู้อำนวยการทุกสำนักในกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ารับฟังนโยบาย และมี นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับ

การมอบนโยบาย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดโอกาสให้อธิบดีกรมปศุตว์ อธิบายถึงปัญหาและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปศุสัตว์ โดยการมอบนโยบายยังเป็นรูปแบบระบบออนไลน์ ที่มีความเข้มข้น ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นการทำงานที่ต้องร่วมมือกันและองค์กรต้องมีคุณธรรม

นายไชยา กล่าวว่า สำหรับ กรมปศุสัตว์ เป้าหมายสำคัญคือต้องการพัฒนาศูนย์ผลิตวัคซีน เพราะหัวใจสำคัญป้องกันการแพร่ระบาดของโรคสิ่งที่จะหยุดผลกระทบให้กับเกษตรกรได้ก็คือวัคซีน ดังนั้นศูนย์วัคซีนจึงต้องรู้ว่าขณะนี้ศูนย์แห่งนี้มีศักยภาพมากน้อยเพียงใด เพราะเมื่อเกิดปัญหาก็มักจะมีการจัดซื้อเพิ่ม แต่นับจากนี้ไปตนมาดูแลกรมปศุสัตว์ จึงต้องการผลักดันให้ กรมปศุสัตว์ สามารถยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้  ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม หากเรื่องวัคซีนเราสามารถทำให้เป็นฮับในภูมิภาคนี้ เราจะสามารถนำวัคซีนไปขายให้ประเทศข้างเคียงด้วย การมีวัคซีนที่มีมาตรฐานจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่เพียงแต่จะผลิตเฉพาะเพื่อดูแลทางด้านปศุสัตว์ แต่ต้องการให้คิดว่าจะทำอย่างไรที่จะยืนด้วยขาของตัวเอง จึงต้องการที่จะผลักดันให้ กรมปศุสัตว์ หาวิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบที่ดีให้ ดีที่สุด ประหยัดที่สุด โปร่งใสที่สุด

“1.เป้าหมายของกรมปศุสัตว์ตาม ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ทางเกษตรก็คือ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ กรมปศุสัตว์มีหน้าที่ผลิต ผลิตให้พอ ต้องเอาตลาดเป็นตัวนำ ตลาดเป็นตัวกำหนด การผลิตปัจจัยต่าง ทั้งปริมาณสินค้าต้องผลิตให้พอ 2.การรักษาเสถียรภาพทางด้านราคา ที่ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็มี กรมปศุสัตว์ ที่เป็นต้นทางด้านการผลิต 3.การป้องกันของเถื่อน หมูเถื่อน เนื้อเถื่อน และสินค้าทางการเกษตรที่ผิดกฏหมายทุกชนิด จากนี้ไปภายในสัปดห์หน้าจะต้องเห็นการทำลายของเถื่อนทั้งหมด ยืนยันจะไม่มีการวิ่งเต้น ผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะหากไม่ทำจริงจังจะส่งผลกระทบทั้งระบบต่อกลไกทางการตลาด หากพบอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องช่วยกันดำเนินการ ในส่วนกรมศุลกากร ซึ่งนายกรัฐมนตรีดูแลอยู่ด้วยก็คือ กระทรวงการคลัง  ก็จะช่วยกันแก้ไขปัญหาร่วมกัน “เราต้องป้องกันกลไกตลาด อย่าทำให้กลไกตลาดผิดเพียน ต้องคุ้มครองผู้บริโภค คุ้มครองผู้ค้ารายย่อย เพราะรายย่อย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง เวลาเกิดปัญหา ผู้ค้ารายย่อยจะได้รับผลกระทบที่สุด ตอนนี้ เราจับมือ ดีเอสไอ กรมปศุสัตว์ ศุลกากร ทุกอย่างต้องเคลียร์ตัวเอง”

นายไชยา กล่าวต่อว่า รัฐบาลให้ตนมาแก้ปัญหา เราต้องร่วมมือกัน เป็นองคาพยพ จึงขอเน้นในช่วยกันดูแลในเรื่องการผลิตให้เพียงพอ การเข้าดูแลให้ดีทั้งคุณภาพสัตว์และอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ รับผิดชอบธนาคารโค กระบือ ยังต้องขับเคลื่อนช่วยเหลือเกษตรกร ให้ได้เลี้ยงโค กระบือ แม้จะมีปัญหาก็ต้องขอให้หาวิธีแก้ไขร่วมกัน ขอให้บริหารโครงการนี้ด้วยหลักรัฐศาสตร์ อาจจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับเกษตรกรก็เป็นได้ ทำให้เกษตรกร ได้มีโอกาสในการต่อรองในเรื่องนี้ด้วย เพราะเกษตรกรต้องมีสิทธิประโยชน์ เมื่อรัฐส่งเสริมสนับสนุน เมื่อเสียหายรัฐก็ต้องร่วมเยี่ยวยา สุดท้ายต้องการให้ กรมปศุสัตว์ นำอาสาสมัครปศุสัตว์เข้าเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนให้กับพี่น้องเกษตรกร เพราะเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์การทำงานในพื้นที่อีกทั้งก็ขอให้ กรมปศุสัตว์พัฒนาระบบดิจิตัลให้มีความเชื่อมโยงทั่วทุกภูมิภาค

ด้าน นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ปัญหาสัตว์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ทั้งประเทศปริมาณสัตว์มีมาก เฉพาะสัตว์ปีกที่ผลิตออกมา พบปีละไม่ต่ำกว่าสองสามพันล้านตัว ซึ่งยังไม่รวมถึอรูปแบบอุตสาหกรรม ยังมี หมา แมว จรจัด ที่แพร่โรคพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ กรมฯ ยังดูแลมาตรฐาน อาหารสัตว์ หัวอาหาร คุณภาพ ที่ยังมีโรคระบาดสัตว์ที่สามารถติดคน เช่นไข้หวัดนก เบื้องต้นปัญหาจึงมีความซับซ้อน เกิดจากบุคลากร จึงต้องอาศัยภาคีเครือข่ายปัจจุบันได้ใช้เทคโนโลยี และต้องถ่ายโอนภาระกิจให้เอกชน นโยบายที่ต้องการขณะนี้ ในเรื่องวัคซีนทั้งให้เกษตรและจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้านถือว่าตรงใจ ดังนั้นในทุกนโยบาย กรมปศุสัตว์พร้อมที่จะน้อมนำมาปรับใช้เป็นนโยบายที่มอบให้โดยเฉพาะนโยบายอันดับต้นๆคือปราบปรามสินค้าทางการเกษตรที่ผิดกฏหมายในทุกชนิด และหากพบว่ามีข้าราชการกรมปศุสัตว์ไปเกี่ยข้องก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที