“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”…*...

กรณี“ช่อ”พรรณิการ์ วานิช  ถูกศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิลงเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีโพสต์หมิ่นสถาบันฯ ...*...

เมื่อไปดูคำพิพากษาระบุชัดเจนว่า “การกระทำของผู้คัดค้านตามคำร้อง ข้อ 4.1 (1) ถึง 4.1 (4) และ 4.1 (6) ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาพาดพิงถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่วนการกระทำตามคำร้อง ข้อ 4.1 (5) เป็นการลงข้อความพาดพิงถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (พระนามในขณะนั้น) อันเป็นการแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสม หรือมิบังควรอย่างยิ่ง เป็นการไม่เคารพในหน้าที่ของปวงชนชาวไทย แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้คัดค้านที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนเป็น สส. และเมื่อผู้คัดค้านดำรงตำแหน่ง สส. ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หมวด 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 6 ที่กำหนดให้ผู้คัดค้านต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”...*...

หลังถูกพิพากษา  “ช่อ” โพสต์ข้อความว่า ยังคงทำงานการเมืองกับคณะกาวหน้าต่อไป “เราเดินทางมาไกลขนาดนี้ จะไม่หยุดเดินกลางคันจนกว่าจะถึงเส้นชัย”  ก็ต้องถามว่า “เส้นชัย” ของ “ช่อ” คืออะไร ใช่การยกเลิก มาตรา 112 หรือไม่หรือไกลกว่านั้น ...*...

แต่เมื่อเห็น “ชะตากรรม” ของ “ช่อ” แล้ว นักการเมืองคนใดคงไม่คิดเดินตาม และเป็นเหมือน “สัญญาณ” ไปถึง สส. 3 คน ของพรรคก้าวไกล “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ  “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว และ  “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก ที่มีคดีตามมาตรา 112  นั่งอยู่ในสภาฯ อาจมี ร้อนๆ หนาวๆ เพราะนอกจากคดีนี้จะเป็นคดีอาญาแล้ว ยังอาจโดน “สองเด้ง” ร้องให้สอบจริยธรรมตามรอย “ช่อ” ด้วยหรือไม่ อันนี้น่าคิด ...*...

แต่สิ่งที่ ศรพระราม เป็นห่วงก็คือ แนวคิดและทัศนคติแบบ “ช่อ” นั้น ยังคงถูกส่งต่อ ผ่านกระบวนการต่างๆ ผ่านกิจกรรมทางการเมือง และกิจกรรมอื่นๆ คณะก้าวหน้า ก็เป็นอีกขาหนึ่งของพรรคก้าวไกล กิจกรรมของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องตระหนัก...*...

ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น หากได้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่แปลกอะไร  เพราะ  “ผู้กำหนดเกม” คือ ทักษิณ ชินวัตร ส่งลูกสาวมาคุมอำนาจ กำกับ ส.ส.ให้อยู่ในคาถาอย่างเป็นทางการ คานอำนาจกับ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เพราะหากย้อนกลับไป “ทักษิณ” เคยพูดเอาไว้กับ สส.พรรคเพื่อไทย  ที่อวยพรวันเกิดปีที่ 74 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ผ่านวิดีโอคอลว่า “อุ๊งอิ๊ง” อยู่พรรค “เศรษฐา”อยู่ทำเนียบฯ …*…

ที่มา:ศรพระราม (22/9/66)