โจ ไบเดน ยินดี เศรษฐา เข้ารับตำแหน่ง พร้อมสานสัมพันธ์พัฒนาการค้า ด้าน นายกฯ ย้ำความเป็นพันธมิตรเกือบ 2 ศตวรรษของไทยและสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดกว้างเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
   
  เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 เวลา 19.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ณ โรงแรม St. Regis นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) โดยสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S.-ASEAN business Council: USABC) และหอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce: USCC) ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯ  
   
  โดย นายกฯ กล่าวว่า การเข้าร่วมงานในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจ และความสำคัญที่ภาคเอกชนสหรัฐฯ มีต่อประเทศไทย หวังว่างานในวันนี้จะเป็นพื้นฐาน (platform) ในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงประเทศและเศรษฐกิจของเราเข้าด้วยกัน ไทยและสหรัฐฯ ถือเป็นหุ้นส่วนธรรมชาติและมีผลประโยชน์ร่วมกัน (natural and mutually-beneficial partners) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ ที่ในปีนี้ฉลองครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ 
   
  โดยในตอนท้าย นายกฯ ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่ภาคเอกชนจะเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยให้มากขึ้น และย้ำถึงความมุ่งมั่นในการทำให้สังคมไทยดีขึ้น รวมถึงชุมชนธุรกิจในประเทศไทยด้วย โดยประเทศไทยเปิดกว้าง และพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้สำหรับห่วงโซ่อุปทาน ที่ปลอดภัยหลากหลายและยืดหยุ่นของสหรัฐฯ และเชื่อมั่นถึงความไว้วางใจ และการสนับสนุนจากภาคเอกชนสหรัฐฯ ในฐานะตัวแทนสำคัญของการเปลี่ยนแปลง (key agents of change) เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกัน และขับเคลื่อนอนาคตไปสู่ศตวรรษที่ 2 ของการเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ที่ใกล้ชิดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
    
 ด้าน นายเศรษฐา เปิดเผยถึงการพบปะกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในระหว่างงานเลี้ยงรับ รองผู้นำที่เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ UNGA ครั้งที่ 78 ว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยดีแต่ระยะเวลาพบกันสั้นไป และได้มีการย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ามายาวนานกว่า 160 ปี ซึ่งนายไบเดน ได้แสดงความยินดีกับตนเอง ในฐานะได้รับตำแหน่งนายกฯ และตนได้ยืนยันว่าจะเป็นคู่ค้า Trading partner ที่ดีต่อกัน และคาดว่าจะมีการหารือทวิภาคีร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายในการประชุม APEC ที่ซานฟรานซิสโก ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ จึงจะขอประชุมทวิภาคีร่วมกัน