เศรษฐา ลั่นเรื่องตลกปลด ผู้ว่าแบงค์ชาติ ยันไม่มีสิทธิ์ไปไล่ใคร พร้อมให้ความเคารพ คนทำงาน โฆษกศาลยุติธรรม ยันศาลฎีกาตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต ช่อ พรรณิการ์ ตามกฎหมาย ส่วน ก้าวไกล โวยลั่นตัดสิทธิ์การเมือง ช่อ ซัดฟันจริยธรรมซ้ำซ้อน ใช้นิติสงครามปราบโกงหรือปราบใคร
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66ตามเวลา ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่าจะปลดผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยว่า เป็นเรื่องที่น่าตลกมาก ตนไม่เคยมีความคิดและคราวนี้ไม่แน่ใจว่ามีข่าวมาได้อย่างไร ตนเคยได้เจอผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย 3 ครั้ง ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานการเมือง ก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าธปท.ได้เข้าไปที่พรรคเพื่อไทย เพื่อหารือถึงเรื่อง Digital Wallet ได้ให้ข้อเสนอแนะ ตนก็น้อมรับมาปฏิบัติ และได้เจอกันที่กระทรวงการคลังในวันที่มอบนโยบาย คือทุกคนไปพูดว่านายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิที่จะไปไล่ผู้ว่าฯ ธปท
"บางคนไปพูดว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไล่ ผมนี่ความคิดยังไม่มีเลยครับ อย่าว่าแต่สิทธิ์เลยครับ ความคิดยังไม่มีเลย ผมว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผมและผู้ว่าแบงค์ชาติ เราไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อน ผมให้ความเคารพ ให้เกียรติ ต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน " นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ
ด้าน นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้ง ของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ตลอดชีวิต เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม กรณีโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบัน และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น คำพิพากษาได้เพิกถอนสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่ได้เพิกถอนสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ยังสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้เหมือนกับประชาชนทั่วไปตามปกติ และยืนยันว่าเรื่องนี้ เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ เพราะศาลมีหน้าที่พิพากษาและบังคับใช้กฎหมายตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถพิพากษาให้แตกต่างไปได้ หากมองว่าผลที่ตามมาไม่ควรถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมือง ก็จะต้องไปเปลี่ยนที่กฎหมายก่อน
ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม พรรคก้าวไกล แถลงว่า ในฐานะที่ตนอภิปรายแนวนโยบายของรัฐบาล หลักนิติธรรม โครงสร้างปัญหาของประเทศ และการใช้นิติสงคราม กับนักการเมืองเป็นการปราบโกงหรือปราบใคร เนื่องจากเนื้อแท้ของเรื่องนั้นแฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้อำนาจองค์กรอิสระพิจารณาออกจริยธรรมขององค์กรขึ้นมา โดยสส.- สว. และคณะรัฐมนตรี ต้องอยู่ภายใต้จริยธรรมดังกล่าวด้วยจึงเกิดปัญหาตามมา เช่น กรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับจริยธรรมจะไม่สิ้นสุดที่องค์กรอิสระแต่จะไปสิ้นสุดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเอาผิดต่อได้ ถือเป็นการลงโทษซ้ำซ้อน
นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า ปัญหาคือการใช้มาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระมาใช้กับนักการเมือง จึงต้องถามกับองค์กรอิสระว่าในอดีตเคยทำผิดจริยธรรมหรือไม่ก่อนมาดำรงตำแหน่ง ความผิดของนางสาวพรรณิการ์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นก่อนมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเชื่อว่านี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งนักการเมือง ปราบนักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน และนักการเมืองที่ไม่ยอมอยู่เป็น ด้วยกฎหมายนี้
ด้านนายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า น.ส.พรรณิการณ์ เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ตนขอตั้งคำถามว่ามาตรฐานจริยธรรมของสส. ต้องย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเป็น สส.หรือไม่ พฤติกรรมในอดีตสามารถนำมาใช้ในขณะเป็น สส.หรือไม่ รวมถึงการกระทำที่เกิดไปแล้ว ความผิดเหล่านั้นยังคงติดตัวหรือไม่ ขอฝากไปถึงองค์กรอิสระว่าสิ่งที่วางบรรทัดฐานไว้ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้คนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีโทษในมาตรา 112 หากถูกตรวจสอบจริยธรรมจะซ้อนทับกับกฎหมายอาญาหรือไม่ และยุติธรรมหรือไม่ หากในอนาคตกฎหมายนี้ย้อนกลับมาที่ตัวท่านเอง
ขณะที่น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในแง่ของกฎหมาย ไม่ควรมีกฎหมายลงโทษย้อนหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากเทียบทางอาญาถือเป็นโทษประหารชีวิต ถือเป็นโทษสูงหากเทียบพฤติการณ์
เมื่อถามว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาแสดงความเห็นว่าพรรคก้าวไกลแสดงท่าทีล่าช้า และแล้งน้ำใจ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวถือเป็นคุณูปการกับพรรค ในนามพรรคก้าวไกลได้มีการแถลงข่าวผ่านทางเพจเฟซบุ๊คไปแล้ว แต่ในการแถลงข่าววันนี้ไม่ได้แถลงในนามพรรค ไม่ได้ต้องการให้มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล พรรคก้าวไกลก็หารือภายใน ไม่สามารถแอคชันได้ทันท่วงที เนื่องจากเมื่อวานนี้(20 ก.ย.) มีการประชุมสภาด้วย
เมื่อถามต่อว่าได้มีการคุยกับน.ส.พรรณิการ์หรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คุยกับน.ส.พรรณิการ์ แต่คิดว่าทางพรรคน่าจะพูดคุยกันตามปกติ
เมื่อถามถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่อยากให้ศาลพิจารณาเรื่องจริยธรรม นายปิยรัฐ กล่าวว่า ตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้นำเสนอการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการต่อยอด เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราเสนอให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เกิดเครื่องมือทางการเมือง
เมื่อถามว่าเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ไม่ใช่การเขียนเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล หรือคดีมาตรา 112 เท่านั้น แต่คำถามสำคัญก็คือ กรณีทั่วไปที่ศาลเคยตัดสินโทษไปแล้ว ศาลฎีกาจะกลับมาเอาโทษนักการเมืองคนนั้นในภายหลังได้อีกหรือไม่
"ผมว่าไม่ใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่นักการเมืองทุกคน ต้องสำนึกว่ากฎหมายอยู่ในมือใคร และจะใช้กฎหมายกับใคร" นายปิยรัฐ กล่าว