ชุมพร เปิดใจพ่อตานายเอ็ม ฆ่าโบกปูนลูก 2 ขวบ พบมีลูก 10 คน เสียชีวิต 5 คน เผยทุกครั้งหลังก่อเหตุ จะไปทิ้งศพในเวลากลางคืน 1 ทุ่มเป็นต้นไป
           

จากกรณีนายส่องศักดิ์ หรือ เอ็ม อายุ 46 ปี ฆ่าลูกวัย 2 ขวบ โบกปูน หลังจากถูกสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ฆ่าลูกตนเองไปก่อนหน้านี้แล้ว ถึง 4 คน เป็นลูกที่อยู่กับ นางสาวเจษฎา ภูมิลำเนาอยู่ จ.ชุมพร เป็นภรรยาคนที่ 2 ซึ่งทางตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และยังอยู่ระหว่างสืบสวนหาความเชื่อมโยง เนื่องจากมีลูกด้วยกัน 5 คน เสียชีวิต 4 คน เป็นชาย ต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปี 2556, 2557, 2559 และ 2561 ทิ้งย่านสายไหม 2 คน ย่านบางซื่อ 2 คน เหลือ 1 คน คือ ด.ญ. อายุ 12 ปี ตอนนี้อยู่ที่สถานสงเคราะห์

           

วันที่ 21 ก.ย.66 ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 17 ตำบลละแม อ.ละแม จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบิดาของ นางสาวเจษฎา ภรรยาผู้ก่อเหตุโหดฆ่าลูกตัวเองตาย 4 ศพ แต่ไม่พบ นายสุภาส อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน แต่ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายภัคนันท์  อายุ 34 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 ตำบลละแม 
             

นายภัคนันท์ ขวัญลมัย ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ตนรู้จักกับครอบครัวของนายสุภาสมานานคุ้นเคยกันดี เนื่องจาก ลุงสุภาพเป็นเพื่อนเรียนเดียวกับพ่อตน ครอบครัวนี้อัธยาศรัยดีทุกคน โดยเฉพาะลุงสุภาพสมัยเรียนกับพ่อตนพ่อบอกว่าเป็นหัวหน้าชั้นมาตลอดเพราะเรียนเก่ง ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้
         

นายภัคนันท์ กล่าวว่า หลังทราบข่าวที่เกิดขึ้นตนได้สอบถามกับลุงสุภาสซึ่งก็ทราบว่าลูกสาวตนคือ นางสาวเจษฎา หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอ ก็ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ และลูกสาวคนนี้ก็ไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย เพียงติดต่อกันทางโทรศัพท์เท่านั้น 
         

นายภัคนันท์ กล่าวต่อว่า และทราบจากลุงสุภาสว่าตนเองไม่ชอบลูกเขยคนนี้อย่างมากถึงกับขนาดเรียกว่าไอ้สัตว์นรกเลยทีเดียว ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่ามาจากเรื่องใด
               

ต่อมาเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายสุภาส อายุ 59 ปี บิดาของ นางสาวเจษฎา ซึ่งเป็นภรรยาของ นายส่องศักดิ์ หรือ เอ็ม อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาฆ่าลูกวัย 2 ขวบ โบกปูน พร้อมกับเปิดใจให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงพฤติกรรมของลูกเขยทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกสาวทั้งหมด 3 คน สำหรับนางสาวเจษฎา อายุ 33 ปี ลูกสาวคนที่ 2 ปัจจุบันมีอาชีพค้าขายอยู่ในตลาดอำเภอละแม และทำสวนทุเรียนกว่า 10 ไร่ 
                 

นายสุภาสกล่าวต่อว่า ส่วนลูกสาวที่อยู่ที่ จ.ชุมพร ทั้งสองคนนั้นคนโตประกอบอาชีพค้าขายอยู่กับตนส่วนคนสุดท้องทำงานรับราชการ สำหรับเรื่องราวความสะเทือนใจที่เกิดขี้นกับลูกสาวคนที่สองของตนนั้น โดยเฉพาะนายเอ็มสามีของลูกสาวตนขอเรียกมันว่า "ไอ้สัตว์นรก" เพราะมันมีพฤติกรรมบังคับซ้อมทารุณกับลูกสาวตนมาตลอด 
               

นายสุภาสกล่าวว่า นางสาวเจษฎาลูกสาวตนหลังจบการศึกษาที่อำเภอละแมก็ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ลูกสาวตนเรียนเก่งมาก ช่วงไปเรียกแรกๆ ปี 1-2 ลูกสาวตนยังติดต่อสื่อสารกลับมาบ้านอย่างสม่ำเสมอ แต่หลังจากนั้นเงียบหายไปเลย จนตนมาทราบภายหลังว่ามีลูกกับสามีแล้วเป็นหลานสาวตนเรียกว่า "น้องถั่วเขียว" ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกผิดหวังในตัวลูกสาวที่ส่งไปเรียนแต่กลับไปมีครอบครัว แต่มาหลังๆก็ทำใจได้ 
                 

นายสุภาส กล่าวว่า หลังจากที่ลูกสาวตนไปมีสามีทราบว่าเป็นคนจังหวัดตรังและมีลูกสาว 1 คน จากนั้นไม่เคยกลับบ้านและแทบจะไม่ได้ติดต่อกลับมาทางบ้านเลย แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวตนก็พยายามติดต่อโทรไปสอบถาม ก็พอจะรู้ว่าลูกสาวตนมีทุกข์ไม่สบายใจ เหมือนกับว่าถูกบังคับถูกทำร้ายถูกทารุณอยู่เป็นประจำ ตนก็บอกว่าให้กลับบ้านแต่ลูกสาวบอกว่ากลัวกลับไม่ได้
             

นายสุภาส กล่าวต่อว่า ตนพบลูกครั้งสุดท้ายเมื่อตอนสงกรานต์ที่ผ่านมา ลูกสาวตนกลับจากบ้านสามีที่จังหวัดตรัง และแวะหาตนที่ร้านค้าในตลาดละแม มาพร้อมกับสามีและน้องถั่วเขียนหลานสาวตน ซึ่งเมื่อตนเห็นก็โผเข้ากอดทั้งลูกสาวและหลานสาวต่างก็ร่ำไห้ด้วยความดีใจ ส่วนลูกเขยอยู่ในรถไม่ลงมาหาตน และที่ผ่านมาลูกเขยตนคนนี้ไม่เคยมาบ้านพี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว 
                 

นายสุภาส กล่าวต่อว่า ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกสาวตนมีลูกถึง 5 คน รู้ว่ามีหลานสาวเพียงแค่น้องถั่วเขียวเท่านั้น ตอนรู้สึกสะเทือนใจมากเมื่อมารู้ว่ายังหลานชายอีก 4 คน และถูกฆ่าตายทั้งหมด ตนจึงอยากให้ช่วยคนหาศพหลานๆเจอทุกคนตนอยากเอากระดูกมาทำบุญ ตอนนี้ตนคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวมากสภาพจิตใจคงย่ำแย่ มาเจอสามีแบบนี้ อยากจะไปหาแต่ก็ไม่รู้จะไปพบได้ที่ไหนอย่างไร