สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…
หลังพรรคเพื่อไทยถูกด้อมส้มรุมประณามหยายเหยียดตีตราเป็น “พรรคตระบัดสัตย์” จากการร่วมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งรัฐบาล ก็ถึงคิวพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของพรรคก้าวไกลบ้าง เมื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ถูกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้มีการแต่งตั้งคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน เพื่อไม่ให้เสียสิทธิการเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” …*….
อย่างที่รับทราบกัน ด้วยเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น ผู้นำฝ่ายค้านจะต้องมาจากพรรคที่ไม่ได้มี ส.ส.ในพรรคมีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี ประธานสภา และรองประธานสภา ฉะนั้น หากน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล หรือนายชัยธวัช ตุลาธน คนใดคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลต่อจากนายพิธา ควบไปกับการเป็นผู้นำฝ่ายค้านแล้ว “หมออ๋อง” นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ต้องสละเก้าอี้รองประธานสภา คนที่ 1 โดยปริยาย …*…
ถ้าพรรคก้าวไกลต้องการเก็บไว้ทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และรองประธานสภาคนที่ 1 ก็ต้องใช้แทคติกทางการเมือง แบบที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.เคยโพสต์ดักคอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้เมื่อหลายวันก่อนว่า “พิธา ลาออกจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด ประชุมสมาชิกพรรคเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่ ภายใน 60 วัน แต่ ยังมีกรรมการบริหารรักษาการอยู่ ที่ประชุมร่วม ส.ส. กับ กรรมการบริหารพรรคลงมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ลงมติขับ หมออ๋อง ออกจากพรรค เนื่องจากขัดมติที่ขอให้ลาออกจากรองประธานสภา หมออ๋องหาพรรคใหม่ ใน 30 วัน เช่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ทำให้ยังคงมีสมาชิกภาพเป็น ส.ส. และ คงตำแหน่งรองประธานสภาได้ ก้าวไกลเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา ก็สรุปได้ทั้ง รองประธานสภา และ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา จำนวน สส. ฝ่ายค้านเท่าเดิม พรรคเป็นธรรม มี ส.ส.เพิ่มขึ้นอีกคน ใครวางแผนให้เนอะ มือยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ” …*…
ภายใต้แทคติกดังกล่าว คงไม่มีใครไปขวางพรรคก้าวไกลได้ ทว่า ก็จะถูกตั้งคำถามเรื่องความสง่างาม โดยเฉพาะเมื่อย้อนกลับไปดูถ้อยแถลงของนายพิธาในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่เคยประกาศไว้ว่า “เราจะเป็นสถาบันการเมืองที่พี่น้องประชาชนฝากความไว้วางใจเอาไว้ได้ว่า เราจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน และจะไม่มีวันทรยศหักหลังต่อความไว้วางใจที่พี่น้องให้มาอย่างแน่นอน การทำงานการเมืองแบบก้าวไกล ไม่ใช่การเมืองวิเศษวิโสอะไร เราแค่อยากทำให้ความจริงใจ ตรงไปตรงมา รักษาคำพูด เป็นเรื่องปกติในการเมืองไทย” …*…
งานนี้จึงนับเป็นการวัดใจเปิดเปลือยตัวตนของพรรคก้าวไกลว่าจะเลือกทางไหน หากต้องการจะเก็บไว้ทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และรองประธานสภาคนที่ 1 ด้วยการอาศัยเล่ห์กลทางการเมือง สวนทางกับคำมั่นที่เคยให้ไว้กับประชาชนว่าจะทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่พรรคก้าวไกลจะกล่าวหาว่าพรรคใดตระบัดสัตย์ ก็ควรหวนกลับไปดูพฤติกรรมตัวเองด้วย …*…
ที่มา:เจ้าพระยา (21/9/66)