เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 21 ก.ย.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.พร้อม พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม นำชุดสืบสวนและตำรวจ พฐ.นำรถแบ็คโฮขุดหน้าดินบนที่ดินริมถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 25 ซึ่งเป็นจุดที่ น.ส.เจษฎา ภรรยาคนที่ 3 ของนายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าโบกปูนลูกตัวเอง นำศพทารกมาทิ้งไว้ริมศาลพระภูมิตามคำให้การ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากคำให้การนายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหา กับ น.ส.เจษฎา ภรรยาอีกราย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตำรวจจนสามารถนำไปสู่การตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในวันนี้ ส่วนกระดูกที่พบในวันนี้ ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมา แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด เช่นที่อ้างว่า ลูกสาววัย 2 ขวบ เสียชีวิตที่ จ.กำแพงเพชร เพราะมีอาการป่วย แต่รายงานแพทย์แจ้งว่า กะโหลกศีรษะและซี่โครงของเด็กร้าว โดยลูกทั้งหมด 5 คนของ น.ส.เจษฎา อ้างว่าป่วยเสียชีวิต 2 คน คือที่ จ.กำแพงเพชร และทารกชายที่เสียชีวิตในปี 2559
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า การค้นหาวานนี้ตำรวจพบถุงดำ ถุงขาว และกระดูก 2 ชิ้น ซึ่งนายส่องศักดิ์ เห็นแล้วจำนนต่อสิ่งที่กระทำไป ยอมรับลงมือฆ่าเด็กจริง โดยอ้างว่าไม่ชอบเด็กผู้ชายกับเสียงเด็ก แต่ตำรวจต้องตรวจสอบเชิงลึกมากกว่านี้ เพราะผู้ต้องหาอาจกลับคำให้การอีกได้ โดยได้ส่งชุดสืบสวนไปสืบหาพยานที่เคยคบหากับผู้ต้อง รวมถึงญาติพี่น้องด้วย ขณะที่ น.ส.เจษฎา บอกว่าตนรักนายส่องศักดิ์ จริง แต่จำใจทำร้ายลูกเพราะตัวเองก็ถูกบังคับและทำร้ายร่างกายจนมีบาดแผล ส่วนผลการตรวจสุขภาพจิตของนายส่องศักดิ์ แพทย์ยืนยันเบื้องต้นว่าเป็นปกติทุกประการ สามารถพูดคุยตอบโต้ได้หมด
พล.ต.ต.วาที กล่าวว่า วานนี้เจอกระดูก 2 ชิ้นซึ่งเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นกระดูกต้นแขนและต้นขา ก่อนที่แพทย์ รพ.ภูมิพล จะยืนยันเป็นชิ้นส่วนกระดูกของเด็ก โดยสามารถระบุอายุได้ และวันนี้พบมากกว่า 10 ชิ้น แต่ต้องรอแพทย์ยืนยัน ขณะเดียวกัน ได้ส่งดีเอ็นเอ ของพ่อและแม่ไปตรวจ เพื่อเปรียบเทียบกับศพเด็ก คาดว่าวันนี้จะทราบผล อย่างไรก็ตาม การตรวจกระดูกต้องใช้เวลาพิสูจน์ประมาณ 3-5 วัน