วันที่ 21 ก.ย.2566 เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ชุมชนข่าวขอนแก่น” ซึ่งได้ โพสต์คลิปภาพสามเณร กำลังทำมาม่าในกระทะไฟฟ้า และมีการเต้นอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งผูกโบว์ที่หัวและนำสบง-จีวรแต่งเป็นหญิง พร้อมเผยแพร่ภาพบุหรี่เขียงซึ่งมีของวางอยู่บนเขียงเป็นลักษณะเหมือนยาเส้นหรือกัญชาที่ถูกหั่นฝอย พร้อมข้อความระบุว่า “ชาวบ้านเอือม วอนเป็นกระบอกเสียงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ มีพระเณร พฤติกรรมไม่เหมาะสมในสมณเพศ ย้ายมา 3 วัดแล้วคชาวบ้านต่างเอื่อมระอา ไม่อยากให้ศาสนาต้องเสื่อมครับ สามเณรทั้ง 2 รูป สามเณร ท. บ้านฝาง และ สามเณร ศ. บ้านดอนดู่ ครับ ท. คือคนที่หั่นกัญชาและมีโบว์ผูกที่หัวครับ ศ. คือคนที่ กินมาม่า และ แต่งกายคล้ายหญิง
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเพจและ ดและได้คุยกับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ชาวบ้านโคกใหญ่ ต.บ้านฝาง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เณรทั้ง 2 เคยอยู่วัด ในตัวอำเภอบ้านฝาง โดนไล่ไปอยู่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง เพราะชาวบ้านรับพฤติกรรมไม่ได้ พอไปอยู่ที่ศูนย์ฯ ก็มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอีก ก็ได้ย้ายไปอยู่วัดโนนศรีเรืองล่าสุด ซึ่งที่ผ่านมาเคยบอกพระอาจารย์ผู้ปกครอง ไปแล้วแต่เรื่องก็เงียบเพราะเณร มีพฤติกรรมชอบออกแปลงร่างไปเที่ยวกลางคืน ทั้งนี้ส่วนตัวไม่รู้จักกับเณรทั้ง2 รูป แต่มีคนส่งคลิปดังกล่าวต่อๆกันมาจึงมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ที่ควรเอาจริงเอาจัง
ซึ่งในภาพยังมีการเสพกัญชา ถ้าไม่เอาไปบำบัดก็สึก เพราะเป็นเรื่องยา ส่วนอีกเรื่องคือฉันอาหารตอนกลางคืน ควรฉันได้เฉพาะเวลาเจ็บป่วย และ ควรฉันในที่ลับหูลับตา ไม่มีคนเห็น และไม่ควรนำวัยรุ่นเข้ามาในวัด แต่จากข้อมูลพบว่าตอนนี้ยังพบว่าพาเพื่อนวัยรุ่นในอำเภอบ้านฝางมาจับกลุ่มเล่นกันที่วัดด้วย ซึ่งอยากจะฝากในเรื่องนี้ถ้าไม่นำไปบำบัดก็ควรให้สึก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก"
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดดังกล่าว ในพื้นที่ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น โดยได้เข้าไปสอบถาม เจ้าอาวาสวัดต้นเรื่อง และเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านฝาง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งท่านได้กล่าวว่า เหตุการณ์ในคลิปและภาพที่ระบุว่าเสพกัญชาไม่ได้เกิดขึ้นภายในวัดแห่งนี้แต่อย่างใด โดยเณรในคลิปเพิ่งย้ายมาจำวัดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 ก.ย. 2566) ซึ่งพ่อแม่พามาขอฝากเพื่อเดินทางไปเรียนหนังสือในตัวอำเภอบ้านฝาง จึงได้รับไว้ และไม่ได้ทราบมาก่อนว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกศิษย์โทรศัพท์มาบอก ว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่วัด จึงได้เรียกเณรที่ปรากฏในคลิปมาสอบถาม ซึ่งจากการสอบถามเณรบอกว่า อยู่ในคลิปเป็นตัวเองจริง กินมาม่าจริง แต่ภาพที่ระบุว่าเสพกัญชานั้น ไม่ใช่กัญชา อีกทั้งภาพและคลิปดังกล่าวถูกถ่ายเอาไว้นานมากแล้วและก่อนที่จะมาที่วัดแห่งนี้
แม้เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นที่วัดที่ตัวเองปกครองดูแลอยู่โดยตรง แต่เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นและสามเณรก็ยอมรับว่าทำจริง จึงได้ติดต่อไปหาผู้ปกครองพ่อแม่ของสามเณรทั้ง 3 รูป ให้มารับกลับและจะพิจารณาทำการสึก ตามวินัยและข้อปฏิบัติของสงฆ์ แต่ในส่วนของสามเณรนั้นเป็นการสื่อไม่ใช่การปาราชิก ก็ยังสามารถกลับมาบวชได้เมื่อสำนึกต่อความผิดที่ได้กระทำขึ้นแล้ว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับสามเณร ที่อยู่ในคลิป ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ภาพและคลิปยืนยันว่าเป็นตัวเองจริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการที่หลวงพี่ที่ไม่ชอบตนเองทั้ง3 รูป คอยหาเรื่องกลั่นแกล้ง ในคลิปก็ยืนยันว่าเต้นจริง แต่ทำตามที่หลวงพี่สั่ง ซึ่งจับแต่งตัวและบังคับให้เต้นก่อนจะถ่ายคลิปลง TikTok รวมทั้งมีการนั่งทานมาม่าด้วยกันซึ่งก็ยอมรับว่าทานจริงๆเพราะหิวและหลวงพี่ก็ร่วมวงทานด้วย
สำหรับคลิปดังกล่าวทางสามเณร กล่าวว่า มีการถ่ายเอาไว้นานแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนภาพที่ระบุว่าเป็นการเสพกัญชานั้นในภาพยืนยันว่าไม่ใช่กัญชาแต่เป็นยาเส้น โดยที่ถ่ายภาพนั้นเป็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงนั้นพากันเข้าไปเล่นในกุฎิของหลวงพี่รูปหนึ่งในวัด กระทั่งไปเจอขวดดังกล่าวอยู่ในซอกหลืบมุมห้อง ก็พากันเอาออกมาดู เป็นช่วงที่หลวงพี่กลับมาเห็นพอดี พร้อมทั้งบอกให้จับขวดเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่ามีการแอบถ่าย กระทั่งมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวในโซเชียล และหลวงพี่มักจะชอบกลั่นแกล้งอยู่ตลอด ซึ่งก็ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่แล้วกระทั่งย้ายมาที่วัดนี้เมื่อวาน และมีภาพและคลิปดังกล่าวออกมากล่าวหาซึ่งไม่ไม่เป็นความจริง ส่วนสาเหตุที่แกล้งตนเองไม่ทราบเพราะเพิ่งบวชได้ไม่นาน เหมือนถูกรับน้องใหม่