วันที่ 21 ก.ย.66 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.ศราวุฒิ ตันกุล, พ.ต.อ.พัฒนา พัฒนชัย, พ.ต.อ.ล้ำพรรณ พรรธนประเทศ รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.มนพร ลิขิตมานนท์ รอง ผกก.กก.1 และ พ.ต.ท.พรชัย สุขเจริญ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สืบสวน บก.ตม.1 และ กก.1 บก.ทท.1 บช.ทท. วางแผนเปิดปฏิบัติการสกรีนพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความปลอดภัย รอต้อนรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 และ ฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวน หาข่าว จนทราบว่ามีชาวต่างชาติผิวสีซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการยาเสพติด ใช้ห้องพักในพื้นที่ห้วยขวางเป็นที่พักอาศัยหลบซ่อนตัว จึงได้จัดกำลังเฝ้าติดตามนานนับสัปดาห์ จนทราบว่าสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ที่อาคารบี ชั้นที่ 31 ของคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขออำนาจศาลทำการตรวจค้น ซึ่งต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายค้นที่ 313/2566 ลงวันที่ 20 กันยายน 2566 เพื่อให้เข้าทำการตรวจค้นห้องพักดังกล่าว 

ผลการตรวจค้น พบบุคคลต่างชาติผิวสี ทราบชื่อภายหลัง คือ  MR.SOLOMON ONU สัญชาติ ไนจีเรีย ถือหนังสือเดินทาง พร้อมโคเคนของกลางจำนวน 7 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณเกือบ 1 ขีด (รวมภาชนะบรรจุ) ซุกซ่อนอยู่ใน “กล่องคุกกี้ช็อกโกแลต ลาวา” ซึ่งถูกเก็บไว้อย่างดีรวมกับขนม

โดย MR.SOLOMON ONU ยอมรับว่าโคเคนทั้ง 7 รายการดังกล่าวเป็นของตนเอง โดยเริ่มต้นจากตนเคยกินเที่ยวในบริเวณซอยสุขุมวิท ในฐานะนักท่องเที่ยว จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบรักกับสาวไทยและได้ตกลงปลงใจคบหาวางแผนแต่งงานกัน ตนจึงวางแผนจะพิสูจน์ตัวเองให้ฝั่งบ้านของหญิงสาวยอมรับ ตั้งใจจะเก็บเงินสร้างครอบครัว แต่ตนใจร้อนอยากให้จัดแต่งงานเร็วๆ จึงเลือกวิธีการรักไม่รักก็ต้องเสี่ยง ลักลอบขายโคเคนตามแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครให้แก่นักท่องเที่ยวผิวสีด้วยกัน และให้การรับว่าโคเคนของกลางดังกล่าวนั้น ได้ซื้อมาและขายไปในกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติ สัญชาติไนจีเรีย ที่บริเวณซอยสุขุมวิท 7 ,9 และ 11 ในราคาแท่งละ 1,500 บาท และจะนำมาขายต่อให้ลูกค้าในราคาแท่งละ 2,000 บาท สุดท้ายไม่เป็นดั่งฝัน ทำได้ไม่กี่ครั้ง ก็ถูกสาวไทยหักอกเสียก่อน ทำให้ช่วงนี้ออกขายบ้างไม่ขายบ้าง และเก็บโคเคนซุกซ่อนไว้ในกล่องคุกกี้ช็อกโกแลต ลาวา ซึ่งเป็นขนมมื้อสุดท้ายที่ตนและอดีตคนรักได้กินด้วยกันก่อนแยกทางกันไป จึงเก็บไว้ดูต่างหน้าเพราะตนทำใจไม่ได้ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเข้าตรวจค้นจับกุมในเวลาต่อมา

โดยขณะถูกจับกุม ผู้ต้องหาขอใช้สิทธิ์โทรหาคนรักเก่า แต่สาวเจ้าก็ไม่ตอบรับ ปลายทางสายไม่ว่าง คนข้างๆก็ไม่มี จึงต้องถูกดำเนินคดีอย่างโดดเดี่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมทั้งสิทธิตามกฎหมายให้ MR.SOLOMON ONU ทราบ ในข้อกล่าวหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางของ MR.SOLOMON ONU พบว่าเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมยังรู้สึกเอะใจ จึงได้ตรวจสอบรายละเอียดการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรของ MR.SOLOMON ONU ในระบบสารสนเทศ สตม. ต่อไปอีก และพบว่า MR.SOLOMON ONU ได้แจ้งที่พักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ม.4 ต.หัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นนั้น พบ MR.SOLOMON ONU พำนักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวไม่รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานในเวลาที่กำหนด มาตรา 37 (4) ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 อีกกระทงหนึ่งด้วย ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.ท.นิมิตร จรรยาลักษณ์ สว.กก.1 บก.ทท.1 และ พ.ต.ต.เจตน์ ยุทธโยธิน สว.กก.สส.บก.ตม.1 กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ได้สั่งการ โดยเน้นย้ำการปฏิบัติและเอาใจใส่นโยบายการดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการบริการ ควบคู่ไปกับ การให้ความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคง เพื่อให้สอดรับกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการ restart ครั้งใหญ่การท่องเที่ยวของไทยที่ให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจในการสร้างรายได้ใหญ่ให้กับประเทศได้ โดย กก.สืบสวน บก.ตม.1 และ ฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมบูรณาการการปฏิบัติกันมาโดยตลอด และจะมีความร่วมมือกันทำงานในอนาคตต่อไปเพื่อให้พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ศักยภาพสูงในการรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งมิติด้านการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และมิติด้านความมั่นคงโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อผลสำเร็จตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับขานรับนโยบายรัฐบาลทันที  ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1155 และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178