สำหรับกลุ่มดุสิตธานีได้เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยได้ เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ ประกอบด้วยดุสิต คอลเลคชั่น  และ เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์  รองรับตลาดลักซูรี่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

เพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจ

ทั้งนี้นาย จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่องกับการเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่  ดุสิต คอลเลคชั่น  และ เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์  เพื่อรองรับตลาดที่พักระดับลักซูรี่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 2  แบรนด์จะเป็นเพิ่มจำนวนแบรนด์ภายใต้ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และวิลล่าหรู ที่มีอยู่เดิมภายใต้กลุ่มดุสิตธานี ซึ่งประกอบด้วย ดุสิตธานี, ดุสิตสวีท, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิตปริ๊นเซส, อาศัย และอีลิธฮาเวนส์ ให้ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มมากขึ้น อีกทั้งยังถือเป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจที่พักให้กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้น 

สำหรับแบรนด์ “ดุสิต คอลเลคชั่น” ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยเจ้าของโรงแรมสแตนด์อโลนหรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชูรี ให้สามารถรักษาตัวตน และเสน่ห์ดั้งเดิมของแบรนด์ ในขณะเดียวกัน ก็สามารถเพิ่มศักยภาพในการให้บริการได้อย่างเป็นระบบ จากนักบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในงานบริหารโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยไม่ต้องยุ่งยากในการรีแบรนด์หรือปรับใหม่แต่อย่างใด  คุณสมบัติอันโดดเด่นของโรงแรมภายใต้แบรนด์ดุสิตคอลเลกชั่นคือ ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่น่าสนใจ ตัวโรงแรมมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและเรื่องราวที่น่าสนใจ และมีการตกแต่งอย่างลงตัว ผสมผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน  ซึ่งที่พักแบบนี้ กำลังเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แท้จริง และแตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยว

ซึ่งแบรนด์ “ดุสิต คอลเลคชั่น” จะเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพและสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด โดยเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะได้รับการดูแลจากทีมที่แข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในการบริหาร ที่มีความเข้าใจตัวตน และรักษาไว้ซึ่งความโดดเด่นของทรัพย์สินที่มีคุณค่า ขณะที่กลุ่มดุสิตธานีจะได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์ที่สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างคล่องตัว เพิ่มความหลากหลายให้กับงานบริการ และยังสามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจบริการของเรา แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ผู้เข้าพักจะได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ในการค้นหาเรื่องราวที่น่าสนใจจากเมืองปลายทางอันเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว

โดยนายจิลล์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมั่นใจว่า ยังมีอสังหาริมทรัพย์สุดหรูอีกมากที่รอการค้นพบ ตั้งแต่พระราชวังเก่าในเมืองแห่งประวัติศาสตร์ จนถึงที่พักริมทะเลอันเงียบสงบ จากทวีปเอเชีย เรื่อยไปจนถึงตะวันออกกลางอันมีเสน่ห์ และครอบคลุมถึงทวีปยุโรป ที่สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “ดุสิต คอลเลคชั่น” ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงกับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายราย และคาดว่าจะสามารถประกาศการลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการได้ในเร็ว ๆ นี้

ยกระดับประสบการณ์เข้าพัก

ส่วนแบรนด์ใหม่ลำดับที่ 2 ของกลุ่มดุสิตธานี จะเป็นการพลิกโฉมแบรนด์หรูที่มีอยู่เดิม “ดุสิต เดวาราณา”  เปลี่ยนเป็น “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” เพื่อยกระดับประสบการณ์การเข้าพักที่มีคุณค่าในระดับอัลตร้า ลักซ์ชูรี

ทั้งนี้ จากความสำเร็จของการพัฒนาคอนเซ็ปต์ “เทวารัณย์ เวลเนส” (Devarana Wellness) หรือแนวคิดด้านสุขภาพแบบองค์รวมผสานกับองค์ประกอบของความเป็นอยู่ที่ดีอย่างมีเอกลักษณ์ให้กับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตทั่วโลก  ทีมงานได้มีการต่อยอดและยกระดับการบริการดังกล่าว จนเกิดเป็นแบรนด์ “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์”  มุ่งหวังที่จะยกระดับแนวทางการรักษาสุขภาพแบบองค์รวมนี้ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการมอบประสบการณ์ของการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจได้อย่างเต็มที่ ในที่พักอันหรูหรา ที่มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบทั่วโลก 

โดย แบรนด์เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์ ถูกพัฒนาขึ้นจากหลักการดูแลสุขภาพแบบไทยดั้งเดิม ผสมผสานกับแนวคิดของการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟูอย่างยั่งยืน  เพื่อให้เกิดเป็นโปรแกรมเชิงสุขภาพแบบครบวงจร ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษจากการผสมผสานเอกลักษณ์อันโดดเด่นของธรรมชาติในแต่ละชุมชน เข้ากับหลักการบำบัดแบบโบราณ เพื่อมอบให้กับนักท่องเที่ยว ที่มองหาการฟื้นฟูและเยียวยาร่างกายและจิตใจ ในพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบความประทับใจอย่างสูงสุดแก่ผู้เข้าพัก

ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภค

ทั้งนี้ นายจิลล์ กล่าวว่า “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์”  แห่งแรกมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ที่ประเทศจีน และกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลง เพื่อลงนามเพื่อสร้าง “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” อีกหลายแห่งภายในปีนี้ ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และในจีน ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรม 55 แห่งที่ดำเนินกิจการภายใต้ ดุสิต โฮเท็ล แอนด์ รีสอร์ท และวิลล่าระดับลักซ์ชูรีกว่า 230 หลังภายใต้ อีลิธฮาเวนส์ ใน 19 ประเทศ ยังมีโรงแรมและรีสอร์ทในกลุ่มดุสิตธานีที่พร้อมจะเปิดมากกว่า 60 แห่งทั่วโลก และมีเป้าหมายการลงนามเพิ่มเติมอีก 22 แห่งในปีนี้

เพราะฉะนั้นการเปิดตัวแบรนด์ “ดุสิต คอลเลคชั่น” และ “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” ในช่วงเวลานี้ สะท้อนถึงความสำคัญของการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่บริหารภายใต้กลุ่มดุสิตธานี เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และสะท้อนความพร้อมในการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

โดยนายจิลล์ กล่าวว่า ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงแบรนด์แต่ละตัวอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบความสะดวกสบายประสบการณ์ และความคุ้มค่าให้กับผู้เข้าพัก การเพิ่มขึ้นของแบรนด์น้องใหม่ทั้งสองแบรนด์ นับเป็นการขยายการรูปแบบการให้บริการที่พัก ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่ม  ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์บูติก ไปจนถึงการดูแลสุขภาพองค์รวมระดับลักซ์ชูรี ซึ่งทุกแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นไทย และการต้อนรับแบบไทยอย่างอบอุ่น ซึ่งถือเป็นการต่อยอดสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของกลุ่มดุสิตธานี