"อดิศร" หนุนสุดตัว "อุ๊งอิ๊ง" นั่งหัวหน้าเพื่อไทย เผยเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าใจทุกสถานการณ์ หากรับตำแหน่ง ไม่มีใครกล้าลงแข่ง รับประกันองค์ประชุมสภาฯไม่ล่มอีก หวังผู้นำฝ่ายค้านฯ ไม่ชักมีดเล่นงานรัฐบาล ภูมิธรรมคาด 1-2 สัปดาห์ชงชื่อคกก.ศึกษาประชามติให้นายกฯ จ่อดึงทุกภาคส่วน-ไอลอว์ เข้าร่วม ด้าน"ปดิพัทธ์" ชี้ยังมีเวลาอีกสัปดาห์ตัดสินใจทิ้งเก้าอี้รองประธานสภาฯ ยันมีหลายออปชั่น ให้พรรคขับออกเป็นอีกทางเลือก
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคมีหลายท่านที่จะทำหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ซึ่งหากน.ส.แพทองธารมารับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค เราก็จะมีความภูมิใจและสามารถนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จ โดยน.ส.แพทองธารเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่าง
"ปกติผมก็เชียร์คุณอุ๊งอิ๊งออกหน้าออกตาอยู่แล้ว ถ้าจะมานั่งหัวหน้าพรรคก็เป็นเรื่องที่พวกเราชาวเพื่อไทยภูมิใจ และมั่นใจว่าจะนำพรรคเพื่อไทยไปสู่ความสำเร็จในทุกด้านได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะไปรับหน้าที่เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าในการจะทำให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นถือเป็นการเมืองอีกระดับหนึ่งของพรรคเพื่อไทย" นายอดิศร กล่าว
ผู้สื่อข่าว ถามว่า หากน.ส.แพทองธารไม่รับตำแหน่ง เห็นว่าใครควรจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายอดิศร กล่าวว่า คนในพรรคมีความเหมาะสมหลายคนไม่ว่าจะเป็น นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรค หรือ นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่หากน.ส.แพทองธารรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด และคงไม่มีใครกล้าลงแข่งด้วย เพราะเป็นหัวหน้าพรรคดีกว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
นายอดิศร ยังกล่าวถึงการประชุมวิปรัฐบาล ว่า เราจะประชุมวิปรัฐบาลทุกวันจันทร์เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภาเป็นหลัก แต่ไม่ปฏิเสธที่จะไปประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย เมื่อนายกรัฐมนตรีมีเจตนาที่อยากเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อทราบความเคลื่อนไหวการทำงานในรัฐสภา ซึ่งในการประชุมครั้งแรกได้รับความร่วมมือจาก 11 พรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างดี เราเน้นการทำงานที่อยากจะให้มีการประสานงานกัน เพื่อให้การประชุมราบรื่น และในเรื่ององค์ประชุมซึ่งแต่ละพรรคการเมืองจะไปรับผิดชอบให้สมาชิกมาประชุมเพื่อไม่ให้การประชุมสภาฯ ล่ม
ทั้งนี้ ในข้อบังคับข้อที่ 12 จะมีคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างละ 5 คน ซึ่งขณะนี้เรามีฝ่ายรัฐบาลแล้วแต่ต้องรอฝ่ายค้าน เพื่อให้มีวิปทั้งสองฝ่ายมาประชุมหารือกันในการประสานงานการประชุมสภาฯ เพื่อให้ระเบียบวาระ หรือกระทู้ถามสด และกระทู้ต่างๆ ให้เป็นไปตามครรลองข้อบังคับ
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถจัดการเรื่ององค์ประชุมไม่ให้มีองค์ประชุมล่มได้ นายอดิศร กล่าวว่า เป็นหมัดเมา เราไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถือว่าเป็นบทเรียนและหน้าที่องค์ประชุมก็เป็นทุกคน เพราะตอนที่ทุกคนลงพื้นที่หาเสียงก็บอกประชาชนว่าจะมาประชุมสภาฯ แต่เรื่องการนับองค์ประชุมก็เป็นเรื่องธรรมดา ของสมาชิกที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่เขาจะใช้อาวุธนับองค์ประชุมก็ดี วอล์กเอาท์ก็ดี เป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้กับรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก ซึ่งหากรัฐบาลรับผิดชอบเรื่ององค์ประชุม และทุกคนมาประชุมจะไม่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมล่มแน่นอน
เมื่อถามว่า รัฐบาลตั้งรับอย่างไรกับฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ นายอดิศร กล่าวว่า ทั้ง 2 พรรคที่เอ่ยชื่อมามีประสบการณ์ทั้งคู่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล และท่านเห็นเหมาะสมในการชักอาวุธในการนับองค์ประชุม หรือวอล์กเอาท์เมื่อไหร่ ไม่ใช่นับองค์ประชุมทุกญัตติ ซึ่งจะทำให้การประชุมไม่ราบรื่น ทั้งนี้หวังว่าจะได้รับความร่วมมือกับวิปทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อถามว่า มองว่าผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร นายอดิศร กล่าวว่า ด้วยความเคารพตนไม่ขอออกความเห็น แต่ยินดีที่จะมีผู้นำฝ่ายค้านฯ ใครก็ได้มาทำให้องค์ประกอบของผู้นำฝ่ายค้าน นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ขับเคลื่อนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีความสง่างามต่อไป และขออนุญาตแสดงความยินดีล่วงหน้าใครก็ได้ เมื่อถามว่า เสียดาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า "คุณพิธาเป็นน้องผม แต่การเมืองเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เป็นเรื่องธรรมดาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการประสานกฎหมายที่จะเข้าสภาฯ กับรัฐบาลบ้างแล้วหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ทางรัฐบาลมี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เป็นคนประสาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ มีเพียงร่างกฎหมายที่ส.ส.เสนอเท่านั้น ซึ่งวิปรัฐบาลได้แจ้งไปยังรัฐบาลให้เร่งรัดว่าขอให้พิจารณาเสนอร่างกฎหมายที่เป็นนโยบายของรัฐบาลเสนอให้สภาฯพิจารณา อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ก่อนหน้านั้นถือว่าตกไปทั้งหมดแล้ว เพราะรัฐบาลไม่ยืนยันภายในกรอบเวลา 60 วัน ซึ่งวิปรัฐบาลพยายามส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลเช่นกัน
เมื่อถามถึง ข้อกังวลต่อความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อการตอบกระทู้ของสภาฯ นายอดิศร กล่าวว่า โดยเชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีจะมาชี้แจงกระทู้ถามสด รวมถึงกระทู้ถามทั่วไปของสภาฯ เพราะเวทีการชี้แจงในสภาฯ นั้น เป็นจุดวัดผลงานของรัฐมนตรี ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังนั้น ตนเชื่อว่าจะมาชี้แจงต่อสภาฯ เช่นกัน เพราะนายเศรษฐาเคยระบุว่าอยากมาสภาฯ เพื่อมาตอบกระทู้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่สภาฯ และตนเชื่อว่าไม่มีปัญหา
ผมอยากเป็นความสง่างามของนายกฯ และรัฐมนตรีมาตอบกระทู้สด ไม่อยากให้มอบหมาย เพราะศักยภาพของรัฐมนตรีแสดงออกในการตอบกระทู้ ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือ นายอดิศร กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนได้พยายามติดต่อคนที่จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ โดยได้คุยถึงหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราอยากแก้ไขให้สำเร็จและเสร็จสิ้นภายใน 4 ปีที่เป็นรัฐบาล จะเร่งให้เร็วที่สุด ในการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้อยากให้ปมขัดแย้งเดิมๆ หายไป และไม่อยากให้สร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาโดยจะใช้วิธีให้คณะรัฐมนตรี มีมติให้ทำประชามติ คณะกรรมการที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้หารือถึงแนวทางว่าจะใช้เวลาเท่าไร คาดว่าจะใช้เวลาในเร็ววัน หรือ 3-4 เดือน หรืออาจจะเร็วกว่านั้นในการทำประชามติ เพราะถ้า ครม.มีมติก็มีกระบวนการต่างๆ รองรับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องมีการหารือกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงเหตุและผลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้ช่วยกัน ไม่อยากให้ทำประชามติและร่างรัฐธรรมนูญมาแล้วไม่ผ่าน ก็จะเป็นปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามติจะทำทั้งฉบับ หรือแก้ไขเป็นรายมาตรา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลได้พูดชัดเจนแล้วว่าเราจะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ยังคงหมวด 1 และหมวด 2 ไว้ เราจะไม่แตะเรื่องพระราชอำนาจในมาตราต่างๆ นอกนั้นทำได้หมด ทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไปดูแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือหลายๆ อย่างที่เขียนมา ที่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นประชาธิปไตยหรือการบริหารราชการแผ่นดิน เราชัดเจนว่าต้องเปิดให้มีการพูดคุย หากได้ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ตัวแทนวิชาชีพ สมาคมทนายความ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆ ด้าน รวมถึงเชิญตัวแทนสมาคมนักข่าวด้วย 1 คน แต่ต้องหารือนายกสมาคมนักข่าวก่อน อย่างไรก็ตาม บางคนได้ตอบรับมาแล้ว ถ้าทำได้เร็วที่สุด คาดว่าวันอังคารที่ 26 ก.ย.นี้ จะเอาเข้าที่ประชุม ครม. แต่ถ้าช้าหน่อย อาจจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ โดยจะต้องรวบรวมรายชื่อและพูดคุยกับทุกฝ่ายให้เข้าใจถึงความต้องการ
เมื่อถามว่า รายชื่อคณะกรรมการมีประมาณกี่คน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ดูตามวิชาชีพต่างๆ ก็เกือบ 20-30 คน ไม่อยากให้เป็นคณะที่ใหญ่เกินไป อยากให้ทำงานคล่องตัว เมื่อถามอีกว่า จะเริ่มนับหนึ่งการทำงานเมื่อไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้เริ่มดำเนินการแล้ว คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ น่าจะมีรายชื่อคณะกรรมการเสนอให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามแต่งตั้ง หลังจากนั้นก็จะเริ่มดำเนินการ โดยจะมีตนเป็นประธานคณะกรรมการตามมติ ครม.ที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขานุการคณะกรรมการขอดูคนที่เราทาบทามมาทั้งหมดก่อน คิดว่ารอไม่นาน ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะมีรายชื่อออกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรอบระยะเวลาการทำงานของคณะกรรมการที่วางไว้นานหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่คาดไว้ไม่เกิน 3-4 เดือน ไม่ได้คิดที่จะยืดเวลา แต่ขอดูรายละเอียดและพูดคุยกันในยกแรกก่อน คิดว่าถ้าตั้งคณะกรรมการกันเรียบร้อยแล้วก็จะวางไทม์ไลน์ให้เกิดขึ้น คิดว่าจะต้องดำเนินการในทันที และต้องมีขั้นตอนที่จะต้องยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง และต้องเข้าสภาเพื่อไปแก้ไขมาตรา 256 รวมถึงอะไรอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งเราจะดำเนินการในทันที แต่ยืนยันว่าหลังจากแก้รัฐธรรมนูญและมีกฎหมายลูกแล้ว คิดว่าภายในไม่เกิน 3 ปี 3 ปีครึ่ง หรือ 4 ปี ถ้ามันจบได้ก็จะจบ และจะให้ทันการเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะเกิดขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยุบสภาทันทีเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวดูรายละเอียดแต่คิดว่าเราจะพยายามให้เข้าสู่กระบวนการปกติให้เร็วที่สุด เบื้องต้นขอคุยกับคณะกรรมการก่อน เพราะคณะกรรมการชุดนี้ได้รับมอบหมายให้มาศึกษาและวางรายละเอียดต่างๆ ถ้าตอบไปตอนนี้ก็จะเป็นความเห็นตนคนเดียว อยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ฉะนั้น การพูดคุย การวางไทม์ไลน์ที่ชัดเจน และโปร่งใส ซึ่งตนมีความคิดที่จะเชิญกลุ่มไอลอว์ และภาคประชาสังคมทุกภาคมาร่วมคณะกรรมการด้วยพยายามจะดึงเข้ามาให้หมด
เมื่อถามว่า กระบวนการต่างๆ จะเป็นการประวิงเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ประวิงเวลาหรอก ยืนยันได้เลย การที่เราให้ ครม.ออกมติให้ทำประชามติ ถือเป็นการสะท้อนที่ชัดเจน ถ้าเราอยากประวิงเวลาก็โยนเข้ารัฐสภา ซึ่งจะไปถกกันอีกยาวนานและจะมีปัญหา หรือถ้าให้ประชาชนใช้เสียงเพื่อยื่นเสนอเข้ามาก็จะต้องมาตรวจสอบประวัติกันอีกนาน เราแสดงเจตจำนงชัดกำหนดไว้ในนโยบายของรัฐบาล สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในรัฐบาลเราแน่นอน ให้ได้ผลเพื่อให้มีความประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนได้สามารถตัดสินใจเลือกรัฐบาลที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในเรื่องเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านและตำแหน่งรองประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเลือกตำแหน่งใด ว่า คิดว่าเรื่องนี้ยังมีเวลา รออีกประมาณอาทิตย์กว่าๆ คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่ว่าตำแหน่งไหน แต่สำคัญที่สุดคือพรรคก้าวไกลจะมีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เป็นใคร และหัวหน้าพรรคเป็นใคร และจากนั้นให้เวลากรรมการบริหารพรรคในการพิจารณา ถ้าเราได้คณะกรรมการบริหารในวันที่ 23 ก.ย. ตนคิดว่ากว่าคณะกรรมการบริหารจะพิจารณาเรื่องต่างๆ และคงไม่ได้มีแต่เรื่องของตน ไม่ได้มีแต่เรื่องสภา แต่มีสารพัดเรื่องของพรรคก้าวไกลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างไร และมีวาระใดบ้างที่ต่างจากยุคการนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล และคณะกรรมการบริหารชุดเก่า ซึ่งตนคิดว่าเราก็มีเวลาอีกสัก 2-3 วัน ในการหารือกัน และคิดว่าพรรคก้าวไกลคงตัดสินใจอย่างดีที่สุดตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งตนก็จะรอวันที่เราได้หารือกันในช่วงนั้น
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวจะใช้วิธีการขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรค หากไม่คืนเก้าอี้รองประธานสภา นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า "ผมขับตัวเองไม่ได้ ข้อเท็จจริงคือเป็นหนึ่งในออปชั่น ตอนนี้เรามีหลายออปชั่น ไม่ได้มีแค่ทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง เรามีหลายทางเลือก เพราะว่ามันเป็นทางเลือกที่หนึ่งจะทำอย่างไรจึงจะสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ สองทำอย่างไรภายใต้เงื่อนไข กติกาที่มันปรากฏ เพราะฉะนั้นไม่ได้มีแค่ทางเลือกเดียว เป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นไปได้"