วันที่  20  ก.ย.2566 ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีฟื้นรัฐสภาจังหวัดว่า ตนเพิ่งประชุมเรื่องการจัดตั้งรัฐสภาจังหวัด เพื่อให้ภารกิจของรัฐสภาเข้าถึงประชาชนและประชาชนสามารถเข้าถึงรัฐสภาได้ โดยวันนี้เป็นการประชุมนัดแรก แต่กลับมีการออกข่าวว่าตนจะผลาญงบ ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะไปจังหวัดไหนเลย และการฟื้นรัฐสภาจังหวัดครั้งนี้เนื่องจากมีเรื่องเดิมอยู่ในสมัยที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานสภาฯ ได้เริ่มไว้ที่ 6 จังหวัด และพอมีการรัฐประหารได้มีการประเมินว่า 6 แห่งที่ไปเริ่มต้น ถูกคณะกรรมการจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาและบอกว่าไม่ผ่าน ทั้งๆที่ไม่ได้มีการทุจริตใดๆ

"วันนี้ส.ส.จากทุกพรรคมาประชุมร่วมกัน คิดที่จะเริ่มต้นในงบประมาณปี 67- 68 เพื่อตอบสนองพี่น้องประชาชนว่าจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่นการเข้าชื่อเสนอกฎหมายต่างๆ ที่ผ่านมายากลำบาก แต่หากมีรัฐสภาจังหวัด การชื่อเสนอกฎหมายโดยภาคประชาชนจะทำได้เร็วขึ้น และจะได้มีกฎหมายจากภาคประชาชนมากขึ้น

เมื่อถามส.สไม่เห็นด้วยและบอกว่าเตรียมการที่จะผลาญงบครั้งใหญ่นั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และขอชี้แจงให้เข้าใจว่าฝ่ายนิติบัญญัติต้องการขยับขยาย ที่จะตอบสนองพี่น้องประชาชนมากขึ้น มาวันนี้เราจะเริ่มต้นที่จะทำให้กระบวนการนิติบัญญัติเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดงบประมาณเพราะเป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากนี้ที่ประชุมคงจะได้ปรึกษาหารือ โดยใช้ฐานข้อมูลเดิมที่เคยมี ทั้งเรื่องเจ้าหน้าที่เรื่องงบประมาณ 6 แห่งที่เคยทำไว้เพื่อเป็นพื้นฐานที่จะพิจารณาในการดำเนินการในจังหวัดต่างๆต่อไป

"ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ขณะนี้ยังไม่ได้ประเมินว่าใช้งบประมาณเท่าไหร่และในอดีตก็ใช้งบตามที่รัฐสภาได้อนุมัติไป และยืนยัน ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นหากมีการทุจริตคอรัปชั่นก็มีหลักฐานแล้วว่าทุจริตคอรัปชั่นตรงไหนงบประมาณไหนยังไม่มี จากการประเมินว่าไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นการประเมินของสนช.ที่คณะปฏิวัติตั้งขึ้นมาแล้วมาประเมินสภาผู้แทนราษฎร ผมคิดว่าการประเมินครั้งนั้น น่าจะเป็นเพราะอยู่ในอำนาจเผด็จการมากกว่า" นายพิเชษฐ์กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐสภาจังหวัดจะซ้ำซ้อนกับศูนย์ดำรงธรรมหรือไม่  นายพิเชษฐ์ กล่าวว่าในส่วนของศูนย์ดำรงธรรมเป็นการทำงานของฝ่ายบริหาร ยืนยันไม่ซ้ำซ้อนแน่นอน เพราะในส่วนของรัฐสภาจังหวัดตรวจสอบฝ้ายบริหารด้วยซ้ำ

นายพิเชษฐ์ ยังกล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการว่า  ขอให้ติดตามกันในพรุ่งนี้ (21ก.ย.)ซึ่งได้เตรียมกล่อง 2 ใบ เพื่อให้ตัวแทนพรรคการเมืองได้จับฉลาก หากตกลงกันไม่ได้ เพื่อให้ ส.ส.ลงไปทำงานเพื่อประชาชน ต้องปิดสมัยประชุม ยืนยันว่าการจับสลากเป็นความยุติธรรมที่สุดแล้วโดยใช้หลักเหมือนกกต.แต่หากจับมาแล้วจะนำไปสลับแลกเปลี่ยนกันก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะพิจารณา
ส่วนที่ที่ขณะนี้มีการรับรองส.ส.ระยองแล้ว จะได้โควต้าประธานกรรมการเพิ่มขึ้นอีกตำแหน่งหรือไม่นั้น หากสภารับแล้วก็เป็นไปตามนั้น แต่ถ้าในวันพรุ่งนี้ยื่นไม่ทันก็ยังถือว่า ยังมีส.ส. 499 คนเหมือนเดิม ดังนั้นอยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลจะยื่นทำหรือไม่ ถ้าทันก็ตามสัดส่วน

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เคยพิจารณาในช่วงปฏิวัติจะไม่นำมาดูเลย เพราะเป็นกรอบความคิดของคณะปฏิวัติที่มองสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นคนละแบบกัน แต่วันนี้เราต้องการให้รัฐสภาจังหวัดสามารถตรวจสอบติดตามการทำงานฝ่ายบริหาร ส่วนเรื่องสถานที่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จะใช้งบประมาณจำนวนมากไม่จริง เราจะขอพื้นที่ของศาลากลางจังหวัด จะต้องดูความพร้อมของแต่ละจังหวัดก่อน โดยจะไม่มีการเช่าสถานที่ ส่วนโครงสร้างคณะกรรมการฯเบื้องต้นกำหนดไว้ 7 คนมาจากส่วนกลาง ทำงานควบคู่กับผู้ช่วย สส.ที่มีอยู่ 8 คนต่อ 1 สส.เพราะ ฉะนั้นกำลังคนจะไม่มีแค่เฉพาะที่เราตั้งไว้ 7 คนเท่านั้น