วันที่ 18 ก.ย.66 ที่พรรคชาติไทยพัฒนา  น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย นายนิกร จำนง กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย นายกนก วงษ์ตระหง่าน นายสันติ กีระนันทน์ อาชวิทธิ์ เจิงกลิ่นจันทน์ คณะกรรมการติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมต้อนรับ คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พร้อมทีมนักกีฬาคนพิการที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 22 – 28 ตุลาคม 2566 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยพล.ต.โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โดยนักกีฬาคนพิการไทย รำลึกนึกถึงบิดาคนพิการอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกมใหญ่เกมเล็ก และวันนี้ที่จะเดินทางไปสู้ศึกกีฬาเอเชียนพาราเกม ครั้งที่ 4  นี้ จึงเข้ามาขอรับกำลังใจจากบุคคลที่ถือเป็น ‘บิดากีฬาคนพิการไทย’ นั่นก็คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย แม้วันนี้นายบรรหารจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ขอเข้ามารับกำลังใจจากตัวแทน ที่ยังคงสนับสนุนนักกีฬาคนพิการไทยในทุกมิติ  หลังจากนั้น นายบรรหารจึงก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยขึ้น รวมทั้งได้ก่อตั้งศูนย์ฝึกกีฬาคนพิการไทยขึ้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และวันนี้ก็ยังเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย


น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ให้กำลังและเล่าถึงจุดเริ่มต้นของมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยว่า มูลนิธิเริ่มก่อตั้งจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นั่นคือความตั้งใจของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย เนื่องจากในปี 2542 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัด ‘เฟสปิกเกมส์’ ครั้งแรก แต่วันนั้นยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปเตรียมความพร้อมและการสนับสนุนในทุกมิติ นายบรรหารจึงรวบรวมทุกสรรพกำลัง เพื่อสนับสนุนให้เฟสปิกเกมเกิดขึ้นได้ และนักกีฬาคนพิการไทย ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังในที่สุด “นั่นเป็นครั้งแรกๆ ที่ประชาชนคนไทย ได้เห็นความสามารถและศักยภาพของนักกีฬาคนพิการไทย ขอเพียงการสนับสนุนและแต้มต่อเท่านั้น” น.ส.กัญจนา กล่าว


น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ความมุ่งมั่นตั้งใจของนักกีฬาพิการไทยนั้น เป็นทั้งแรงบันดาลใจและกำลังใจให้คนพิการและคนไม่พิการ ในเรื่องความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคทางร่างกายและมิติสังคม และในเอเชียนพาราเกมส์นี้ นับเป็นกีฬาที่ทำให้เพลงชาติไทยดังในสนามกีฬาโลกบ่อยครั้งที่สุด เพราะนักกีฬาคนพิการไทย คว้าเหรียญให้คนในประเทศไม่แพ้นักกีฬาของคนไม่พิการเลย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ทำอย่างเต็มที่ และเมื่อทำอย่างเต็มที่แล้วไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ และขออวยพรให้ทุกท่านเดินทางอย่างปลอดภัย และมีสุขภาพแข็งแรงทั้งก่อนไป ระหว่างแข่งขัน และการเดินทางกลับมา


นายนิกร กล่าวว่า เฟสปิกเกมส์ในปี 2542 นั้น นับเป็นครั้งแรกๆ ที่ทำให้ประชาชนคนไทยเห็นคนพิการ และเดิมพันในการแข่งขันไม่ใช่แค่เหรียญ แต่คือการทำให้คนพิการทั้งประเทศเห็นศักยภาพ และเป็นแรงบันดาลใจ กำลังใจให้คนพิการทั้งประเทศ และการเดินทางครั้งนี้ของนักกีฬาคนพิการไทย ถือเป็นความรับผิดชอบครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือการรับผิดชอบเกียรติและศักดิ์ศรีของนักกีฬาไทยทั้งประเทศ และอวยพรขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี ได้ทำเต็มที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น