"นายกฯ" ลุยเชียงใหม่ "สักการะครูบาศรีวิชัย" เพื่อเป็นสิริมงคล ขณะที่มวลชนแห่ต้อนรับคึกคัก "จุรินทร์" ระบุรัฐบาลยื้อตั้ง "กก.ศึกษาทำประชามติ" จับตาเสร็จเร็วกลัวถูกทวงถามยุบสภาฯ ด้านเด็กพท. เห็นด้วยนำโมเดลปี 40 มาปรับแก้รธน. แก้เสร็จ ควรยุบสภาต้องดูอีกครั้ง "พิชิต" เอาจริง มอบ"เด็จพี่" ฟ้อง"สมชัย" หมิ่นฯ เรียก 50 ล้าน อ้างปกป้องชื่อเสียง
เมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 เมื่อเวลา 08.45 น. ที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เข้าสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีประชาชนนำดอกกุหลาบ พวงมาลัย มาต้อนรับพร้อมป้ายข้อความ "ยินดีต้อนรับท่านนายกเศรษฐา ทวีสิน จากพี่น้องหางดง-สันป่าตอง จ.เชียงใหม่" ขณะที่นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ ได้มอบรูปหล่อจำลองครูบาศรีวิชัย ให้นายกฯ โดยระบุว่าราคาไม่ถึง 3,000 บาท
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ได้นำคณะครูมารอต้อนรับและแสดงความยินดีกับนายกฯ ขณะที่คณะครูยังนำป้ายข้อความ "ขอท่านนายกฯได้เมตตาพิจารณาอนุมัติงบกลางเยียวยาค่าตอบแทน จศป. ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ 15 เดือน ให้กับครูโรงเรียนพระปริยัติฯ (จศป. เชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนได้มอบวัตถุมงคลเป็นพระเจ้าเก้าตื้อจำลอง ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว พระประธานในพระอุโบสถวัดสวนดอก หรือวัดบุบผาราม เป็นของที่ระลึกให้นายกฯ รวมทั้งอวยพรและให้กำลังใจกับนายกฯให้บริหารบ้านเมืองประสบความสำเร็จ จากนั้นได้ยื่นหนังสือให้นายกฯ เพื่อขอให้ได้อนุมัติเงินเยียวยาเร่งด่วน ให้กับจศป. ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค 0408.3/8872 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม ให้แก่ ผู้ริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กว่า 3,900 รูปต่อคน
โดย นายกฯ ได้สอบถามถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวขณะที่ทางตัวแทนโรงเรียน ระบุว่า กระทรวงการคลังได้อนุมัติไว้แล้ว ในวงเงินงบประมาน 500 ล้านบาท แต่ตอนหลังติดอุปสรรค ทั้งนี้นายกฯ ได้รับหนังสือโดยเรียก นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง มาสอบถามรายละเอียด ซึ่งนายกฯระบุว่า จะพิจารณาและดูให้ ถ้ามีการอนุมัติหลักการไปแล้วก็คิดว่าคงไม่ยาก
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้การสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และเมื่อรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเร่งทำ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายประเด็นจำเป็นจะต้องมีการทำประชามติก่อน เพราะฉะนั้นก่อนการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ. รัฐบาลก็มีหน้าที่จะต้องเร่งเดินหน้าในเรื่องของการทำประชามติโดยเร็ว
ส่วนประเด็นหลักของการที่จะถามในการทำประชามตินั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรมีแนวทางตั้งแต่ตอนหาเสียงหรือควรมีแนวทางที่ชัดเจนตั้งแต่ก่อนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วเพราะแถลงเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญ และจะไปโยนให้เป็นเรื่องสภาไม่ได้ เมื่อถามถึงมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาแนวทางจัดทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ใครก็มองออกว่ายื้อเวลาหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลอาจกลัวว่าถ้าเสร็จเร็ว อาจจะถูกทวงถามเรื่องการยุบสภาก็ได้
น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะนี้หลายฝ่ายใช้กดดันพรรคเพื่อไทยจะทำตามสัญญาที่เคยหาเสียงไว้หรือไม่ ว่า จุดยืนส่วนตัวเห็นด้วยที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการการเลือกตั้งหรือตัวกฎหมายของรัฐธรรมนูญ แต่อย่างแรกต้องขอเวลาพี่น้องประชาชนนิดหนึ่ง เพราะนับจากวันที่มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาจนถึงขณะนี้ เราเพิ่งทำงานและมีอำนาจในการสั่งการได้แค่ 7 วัน แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่านโยบายที่เราหาเสียงไว้นั้น เราทำได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน พักหนี้เกษตรกร ยกระดับ 30 บาท และเรื่องของรัฐธรรมนูญก็เป็นมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร่งด่วน ที่พรรค พท.ลงมือทำทันทีไปแล้ว
เมื่อถามว่า มองว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรทำแรกๆ เลย ใช่หรือไม่ น.ส.ชนก กล่าวว่า จากที่มีประชุมครม.นัดแรกในวันที่ 13 ก.ย. และรัฐบาลประกาศทันที และทางครม.ให้เป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งทางสมาชิกพรรค พท.ก็เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนตามที่ได้ประกาศออกมา เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีโมเดลจะเสนอหรือไม่ว่ารูปแบบควรเป็นอย่างไร น.ส.ชนก กล่าวว่า ครอบครัวตนอยู่ในวงการเมืองมา 30 กว่าปี รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด ประชาชนเข้าถึงที่สุด ได้รับประโยชน์สูงสุด จากกระบวนการกฎหมายคือรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 สมัยรัฐบาลไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าการได้มาซึ่งนายกฯ ส.ส. สามารถพัฒนาประเทศ และนโยบายต่างๆ ของภาครัฐได้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ โดยในปีนั้นเป็นปีที่ดีมาก เราเพิ่งเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ในปี 2544 รัฐบาลไทยรักไทยสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเสือตัวที่ห้าของเอเชียได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากรัฐธรรมนูญปี 2540
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าควรใช้โมเดลรัฐธรรมนูญปี 2540 ใช่หรือไม่ น.ส.ชนก กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าควรนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาปรับแก้ แต่ทางพรรคเพื่อไทยอยากให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แล้วใช้มติของความตั้งการประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ก็มาจาก ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน เมื่อถามว่า ควรเร่งทำประชามติเหมือนที่หลายฝ่ายเสนอและต้องการหรือไม่ น.ส.ชนก กล่าวว่า จากการที่ได้ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตนอยากให้แก้ไขเรื่องปัญหาปากท้องก่อนให้มีเงินหมุนเวียนแต่ก็ต้องทำควบคู่กันไป ส.ส.ร.ก็หาไปตามกระบวนการ ซึ่งกว่าจะได้ ส.ส.ร.ก็น่าจะประมาณสัก 2 ปีน่าจะเสร็จ
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่หลายคนนำคำพูดแกนนำพรรคเพื่อไทยที่เคยระบุหลังจากที่แก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ควรจะต้องมีการยุบสภาฯ น.ส.ชนก กล่าวว่า เบื้องต้นเห็นด้วยว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็คล้ายว่าควรที่จะต้องมีการใช้กฎกติกาใหม่ แต่ ณ วันนี้หลายฝ่ายก็มองว่าประเทศไทยบอบช้ำมามากแล้ว ปัญหาหลักคือปัญหาเรื่องปากท้อง หากวันนั้นมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ แต่ประเทศไทยกำลังพลิกอัพ กำลังก้าวกระโดดที่จะไปข้างหน้า ในวันนั้นก็ต้องมาดูอีกครั้งว่า เวลานั้นเราควรจะมาใช้กติกาใหม่แล้วหรือไม่ หรือประเทศไทยเดินหน้าไปได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม เราเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายพิชิต ชื่นบาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ตนพร้อมทนายความจะไปยื่นฟ้อง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และนักวิชาการมหาวิทยาลัยชื่อดังต่อศาลอาญา ข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 นายพิชิต ชื่นบาน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังที่นายกฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีจำนวน 9 คน ซึ่งมีชื่อนายพิชิตรวมอยู่ด้วย นายสมชัยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะใส่ความนายพิชิตในเรื่องเดิมที่นายสมชัยเคยโพสต์มาแล้วเกี่ยวกับกรณีที่นายพิชิตได้เคยต้องคำพิพากษาในคดีละเมิดอำนาจศาล ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการให้สินบนใดๆ และไม่ใช่คดีอาญา แต่การให้สัมภาษณ์ของนายสมชัยเพื่อให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการให้สินบนศาล ซึ่งเป็นความเท็จ โดยการฟ้องคดีนี้นายพิชิต จะเรียกค่าเสียหายจากนายสมชัย 50 ล้านบาทด้วย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่นายพิชิตได้ยื่นฟ้องนายสมชัยครั้งนี้ เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของตนเอง และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของคนในสังคม เพราะเรื่องที่ นายพิชิต ต้องคำพิพากษานั้น ไม่ใช่เรื่องการให้สินบนเจ้าหน้าที่ศาล และไม่ใช่คดีอาญาด้วย เรื่องนี้นายสมชัยทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีว่าความผิดฐานให้สินบนกับความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นกฎหมายคนละฉบับ และองค์ประกอบความผิดต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ นายพิชิตได้เคยสมัครส.ส.และได้รับเลือกเป็น ส.ส. มาแล้วเมื่อปี 2554 นายสมชัยเป็นกกต.ในขณะนั้นก็ทราบมติของกกต. ที่วินิจฉัยว่านายพิชิตไม่ขาดคุณสมบัติในการสมัคร เพราะไม่เคยต้องคำพิพากษาในคดีอาญามาก่อน และการที่นายกฯ ได้แต่งตั้งให้นายพิชิตเป็นที่ปรึกษานายกฯ ก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องคดีของนายพิชิตเลย แต่นายสมชัยกลับมาพูดใส่ความและดูแคลนนายพิชิตต้องการที่จะทำลายชื่อเสียงของนายพิชิตอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นการยื่นฟ้องคดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อปกป้องชื่อเสียงของนายพิชิตเท่านั้น ไม่ได้มีความแค้นใดเป็นการส่วนตัวต่อกันแต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดของประเด็นที่จะฟ้อง จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในวันที่ยื่นฟ้อง