หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดประชุมคณะกรรมการบริหารฯ สัญจร ณ จังหวัดนครพนม ระดมความคิดหอการค้าฯ และผู้ประกอบการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ชงรัฐบาลใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ขณะที่เสียงภาคเอกชนอีสานเห็นด้วย รัฐบาลควรเร่งเสริมท่องเที่ยวดึงเม็ดเงินต่างชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมหวังมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินทำได้เร็ว เพื่อหนุนเศรษฐกิจชุมชนให้คึกคักยิ่งขึ้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังจัดประชุมรับฟังข้อเสนอทางเศรษฐกิจของหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างรวดเร็วในระยะสั้น ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอินโดจีนทั้ง สปป.ลาว กัมพูชา และประเทศเวียดนาม พร้อมทั้งมีข้อเสนอให้เร่งรัดแผนงานสำคัญ อาทิ การผลักดันและติดตามการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง จ.เลย การผลักดันจังหวัดสกลนครเป็นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งสีครามธรรมชาติในปี 2023 การพัฒนาพื้นที่บริเวณวิมานพญาแถนและพื้นที่โดยรอบ จ.ยโสธร ตลอดจนได้พูดคุยถึงข้อเสนอของแต่ละจังหวัดที่อยากให้มีการจัดตั้งสำนักงาน ททท. ในทุกจังหวัด ซึ่งส่วนนี้หอการค้าทั่วประเทศสามารถเข้าไปสนับสนุนบุคลากรและทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ททท. เพื่อสนับสนุนภารกิจส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดการกระจายรายได้ทั่วประเทศ

ส่วนด้านการค้า การลงทุนและการค้าชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือเป็นประตูเชื่อมโยงประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าไทยไปยังจีนที่สามารถยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้อำนวยความสะดวกและเพิ่มตัวเลขเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ซึ่งหอการค้าฯ อีสานได้นำเสนอแผนงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์ Business Center หนองคาย โครงการถนนผังเมือง สาย ง3 เชื่อมระหว่างถนน เทวาภิบาลและถนนผดุงพานิช ระยะทางประมาณ 0.260 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด การผลักดันจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกูเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ การผลักดันโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรช่องจอมแห่งใหม่ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจชายแดน การผลักดันโครงการยกระดับถนนวงแหวนรอบเมือง (ทล.231 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุบลราชธานี  ม.3+642 - กม.8+383 (บ้านทัพไทย+บ้านคูเดื่อ) การเจรจาขอเปิดเส้นทางการค้าและการลงทุน “เส้นทางศรีสะเกษ-ปราสาทพระวิหาร” เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา การผลักดันและเร่งรัดโครงการก่อสร้างถนนผังเมืองรวมสาย ค.1-ข.4 อำนาจเจริญ และการเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย ลาว จีน ซึ่งจะเป็นจุดพลิกผลันและดันภาคการค้า การท่องเที่ยว ในพื้นที่ภาคอีสานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พูดคุยถึงประเด็นปัญหาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเฉพาะปีนี้จะมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะเอลนีโญและน่าจะยาวถึงปี 2567 จากปริมาณน้ำฝนมีค่าน้อยกว่าปกติ  ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร และปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนทั่วประเทศ ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งจัดทำแผนระยะสั้นในการบริหารจัดการพื้นที่กักเก็บน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในการอุปโภคบริโภคของประชาชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตร ที่ถือเป็นรายได้หลักของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยได้มีการเสนอให้จัดทำโครงการเติมน้ำใต้ดินเสริมบริเวณเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย แก้มลิง พื้นที่หน่วงน้ำ และลำน้ำสาขา จำนวน 3 รูปแบบ ทั้งการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น แบบบ่อวงคอนกรีต- แบบคลองเติมน้ำ และการเติมน้ำใต้ดินระดับลึก โครงการศึกษาและสำรวจจัดสร้างวงแหวนน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในเขตจังหวัดชัยภูมิและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนในระยะยาวทราบว่ารัฐบาลเคยมีแผนและการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำของชาติทั้งระบบมาก่อนแล้ว ภาคเอกชนจึงคิดว่าควรจะหยิบยกมาพิจารณาและเดินหน้าต่อเพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งสามารถดำเนินการได้เป็นรูปธรรม ซึ่งข้อเสนอต่าง ๆ ที่ได้มีการหารือในครั้งนี้ หอการค้าไทยจะจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน และนำเสนอผ่านกลไก กรอ. ไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาต่อไป 

ทั้งนี้นอกเหนือจากการประชุมหารือกับหอการค้าและภาคเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว เวทีสัญจรของหอการค้าไทยในครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจาก พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บรรยายพิเศษ เรื่อง “การเสริมภูมิคุ้มกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รู้เท่าทันไซเบอร์” ให้กับภาคธุรกิจ และยังได้รับเกียรติจากคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “การสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการด้าน Digital และ Sustainability” ภายในงานดังกล่าวด้วย